คมชัดลึก : “ประยุทธ์” ลั่นไม่เคยคิด “ปฏิวัติ” แต่เตือนอย่ากดดันทหาร ยันไม่มีแบ่งสี ย้ำมีสีเดียว คือ สีคนไทย วอนคนไทยกลับเป็นเหมือนเดิม อย่าเอาปัญหาทับถมประเทศ ระบุยุ่งการเมืองเฉพาะความดูแลความมั่นคง เผยตัวตนคนใจดี ไม่ดุ ไม่โกรธใครง่าย แต่เข้มงวดกฎวินัย พูดเป็นนัยศัตรูในไทยมีคนเดียวก็มากพอ
(6ต.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติในช่วงที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ว่า
ตนไม่เคยคิดเรื่องนี้ และเราพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งตนก็บอกในที่ประชุมหน่วยขึ้นไปแล้วว่าจะทำหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และข้อสำคัญอย่ากดดันทหารให้ทหารได้ทำหน้าที่ของทหารเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป้องกันประเทศ การรักษาความมั่นคงภายใน อย่ามากดดันทหารว่า ต้องไปทำโน่น หรือต้องมาทำนี่ หรือทำไมไม่ทำเช่นนั้น ซึ่งในมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญเขียนไว้ก็จริง แต่มีหลายมาตราที่เขาเขียนเอาไว้ว่า ทหารสามารถทำอะไรได้บ้าง ทหารจะออกไปไหนมีข้อห้ามและกฎกติกาเรื่องการใช้กำลัง ทั้งกฎกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรได้ดังใจ ไม่ใช่กำหนดยุทธศาสตร์ได้ทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า ความคิดเรื่องการปฏิวัติไม่มีอยู่ในสมองใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนคิดอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่าไม่มีแน่นอนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า “ไม่เห็นจำเป็นต้องยืนยัน พูดแล้วต้องเชื่อกันบ้าง ก็ถามว่าคิดหรือไม่คิด ผมก็บอกแล้วว่าไม่คิด ผมบอกแล้วว่าไม่ได้คิดก็ไม่ได้คิดตอนนี้” เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีประสบการณ์ว่า ปฏิวัติเป็นการแก้ปัญหาหรือสร้างปัญหา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องให้สังคมดูว่าควรจะเป็นอย่างไรต่อไป ตนคงไม่สามารถไปออกความเห็นได้ว่า ดีหรือไม่ดี หรือที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ตนอยากให้เริ่มกันใหม่ในวันหน้าดีกว่า
เมื่อถามว่า จะวางตัวอย่างไรไม่ให้การเมืองเข้ามายุ่งกับกองทัพ หรือไม่ให้ทหารเข้าไปยุ่งการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนอยู่มาหลายปี ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการเมือง เราจะเข้าไปเกี่ยวข้องเฉพาะระบบกลไกการแก้ปัญหาในการสั่งการของรัฐบาลในการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จึงขอทำความเข้าใจกับประชาชนโดยทั่วไปช่วยให้ความเป็นธรรม เพราะเรามีหน้าที่มีความรับผิดชอบมากมาย ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงภารกิจต่างๆก็มีมากพออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่เราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานทางการเมืองคงไมใช่เรื่อง และที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่มันจำเป็นต้องเกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัยความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง
ประยุทธ์ลั่นไม่เคยคิดปฏิวัติเตือนอย่ากดดันทหาร
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเหมือนรัฐบาลพึ่งกองทัพและกองทัพก็พึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยพึ่งอะไรตน และไม่ขอร้องอะไรตน
ตนอยู่ในเหตุการณ์ทุกครั้ง ท่านไม่จำเป็นต้องมาขอร้องทหาร เพราะทหารทำหน้าที่ของทหารอยู่แล้ว เรื่องการจะปฏิวัติหรือไม่ หรือตนเป็นคนเอี่ยวตนไม่รู้ เพราะความจริงตนเป็นคนง่ายๆ และใจดี ไม่ได้ดุ แต่สื่อสร้างภาพตนเป็นตัวร้ายหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่โดยส่วนตัวรู้ว่า ทุกคนหวังดีกับตน เพียงแต่วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้บ้านเมืองไปได้
เมื่อถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่าท่านเป็นคนฮาร์ดคอร์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าววว่า ตนเป็นคนจริงจังในการทำงาน การที่ตนเป็นทหารอาชีพ เป็นผู้บังคับหน่วย โตมาตามลำดับชั้นที่ต้องปกครองผู้ใต้บังคับบัญชามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีกำลังพลใต้บังคับบัญชาสองแสนกว่าคน ดังนั้นต้องมีกฎ กติกา เข้มงวด มีระเบียบวินัยให้กำลังพลปฏิบัติ เพราะวันนี้ทหารต้องเป็นทหารของประชาชน มีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งลักษณะเหล่านี้อาจจะเข้ามาเป็นนิสัยส่วนตัวของตนไปแล้ว ทั้งที่ความจริงตนเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ไม่ค่อยโกรธใครง่าย ตนคิดว่ามีศัตรูคนเดียวในประเทศไทยก็มากพอแล้ว ดังนั้นก็อย่ามีศัตรูเลยจะดีกว่า
เมื่อถามว่าในตัวท่านสีอะไร ซึ่งบางคนบอกว่าท่านไม่ชอบสีแดง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไมเคยบอกว่าไม่ชอบสีแดง ในหนังสือพิมพ์เขียนทุกวันแต่ตนไม่เคยพูด
สีตนสีเดียวกับพวกคุณทุกคน คุณสีอะไรไม่รู้ แต่ตนสีเดียวกับคุณ ประเทศไทยมีสีเดียว คือ สีแห่งคนไทย สีแห่งความรักความสามัคคี ตนขอร้องสังคมให้กลับมาเป็นคนไทยเหมือนเดิมได้หรือไม่ อย่าเอาปัญหาต่างๆมาทับถมที่เจ้าหน้าที่มากนัก เพราะคนดีก็มีจำนวนมาก ไม่ว่าทหารหรือตำรวจ คนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นต้องให้กำลังใจคนดี มิเช่นนั้นคนดีจะท้อแท้ และไม่อยากทำงาน ยิ่งจะทำให้ยุ่งมากขึ้น
เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ที่ขึ้นมาทำงานในสถานการณ์ที่มีความแตกแยก และมีคนคาดหวังว่าจะต้องเป็นคนกู้ชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร เพราะเป็นหน้าที่ ไม่ว่าใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ก็ต้องทำแบบตน และต้องทำให้ได้ด้วย ไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีรัฐบาล กระทรวงกลาโหม เหล่าทัพต่างๆ และกระทรวง ทบวง กรม ช่วยกันทำอยู่ คนดีมีจำนวนมาก คนไทย 63 ล้านคนจะต้องเอาคนเหล่านี้มาทำให้ประเทศไทยเดินต่อไปข้างหน้า