คมชัดลึก :ศาลยกคำร้องอัยการขอส่งตัว "วิคเตอร์ บูท" กลับไปดำเนินคดีสหรัฐสำนวนที่ 2 ข้อหาฟอกเงิน-ฉ้อโกง อธิบดีอัยการต่างประเทศระบุรอดำเนินก่ารส่งตัวตามคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีแรกค้าอาวุธ ด้านทนายยื้อเตรียมอุทธรณ์ขวางส่งตัว
ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 5 ต.ค.53 เวลา 14.30 น.
ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องคดีหมายเลขดำที่ อผ.4/2553 ที่พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท (Viktor Bout) หรือบอริส (Boris) หรือ วิคเตอร์ บัท (Viktor But หรือ Viktor Budd) หรือวิคเตอร์ บูลาคิน (Viktor Bulakin) หรือวาดิม มาโควิช อมินอฟ (Vadim Markovich Aminov) อายุ 43 ปี สัญชาติรัสเซีย อดีตทหารหน่วยเคจีบีรัสเซีย ซึ่งเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ระดับโลก ตามที่ทางการสหรัฐอเมริกาแจ้งความจำนงค์ ขอให้อัยการสำนักงานต่างประเทศ ยื่นคำร้องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนนายวิคเตอร์ สำนวนที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ส.ค.53 เพื่อกลับไปดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการละเมิดกฎหมายอำนาจเศรษฐกิจกรณีเหตุฉุกเฉินระหว่างประเทศ , สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ และทางการสื่อสารฯ อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายสหรัฐอเมริกาฯ
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นคำร้องสรุปว่า ทางการสหรัฐตรวจพบว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดกฎหมายสหรัฐฯ
โดยการโอนเงินจากสถานที่ต่างๆมายังสายการบินสหรัฐฯเพื่อสั่งซื้อเครื่องบิน เมื่อเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2550 เป็นเงิน 1,700,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งมีจำเลยเป็นผู้ควบคุมการโอนเงินโดยเมื่อทางการสหรัฐตรวจพบความผิดแล้วได้อายัดเงินไว้และศาลนิวยอร์กได้ออกหมายจับจำเลยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.52
โดยนายวิคเตอร์ ยื่นคัดค้านสรุปว่า ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
คดีนี้โจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องตามวิถีทางการทูต ขัดต่อ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน และสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย-สหรัฐฯ และ ป.วิอาญา และการที่สหรัฐฯดำเนินการคดีนี้ขัดต่อกฎหมายไทย ทำให้จำเลยเสียหายว่าทำผิดแค่ไหนอย่างไร จำเลยไม่ได้เป็นการทำผิดในประเทศสหรัฐฯ คดีนี้โจทก์ขอให้ส่งตัวจำเลยในลักษณะคดีการเมือง ซึ่งคดีก่อนศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอส่งตัวจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ การที่โจทก์ยื่นคำร้องคดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้ำเพราะคดีได้ผ่านการพิสูจน์ของศาลแล้ว อีกทั้งบริษัทเป็นเพียงบริษัทขนส่งทางอากาศและให้เช่าเครื่องบิน แต่ไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้จ้างจะให้ส่งสินค้าประเภทใด การยื่นคำร้องของสหรัฐฯเป็นเพียงเพื่อปกป้องประโยชน์การขนส่งระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ
ศาลพิเคราะห์แล้วคดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขณะมี พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ จึงต้องดำเนินเรื่องหลักทั่วไป และ ม.8 ระบุว่า
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้เริ่มต้นด้วยการมีคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศผู้ร้องขอที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยจัดส่งไปยังผู้ประสานงานกลาง หรือจัดส่งคำร้องขอดังกล่าวโดยผ่านวิถีทางการทูต โดยคำร้องและเอกสารหลักฐานให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง รับรองความถูกต้อง ซึ่งประเทศไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐฯ เมื่อคดีนี้บรรยายฟ้องตามที่สถานทูตสหรัฐฯร้องขออย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศจึงเป็นการดำเนินการอย่างถูกต้อง ศาลจึงชอบที่จะรับฟังคดีได้โดยไม่ต้องมีพยานบุคคล ซึ่งข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่า จำเลยเป็นชาวรัสเซีย เป็นบุคคลตามฟ้องที่ขอให้ส่งตัว ความผิดที่ขอให้ส่งตัวไม่ได้เป็นคดีการเมืองหรือเกี่ยวกับทางทหาร ประเทศไทยกับสหรัฐมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน และสหรัฐได้ออกหมายจับจำเลยแล้ว
เมื่อพิจารณาคำร้องและคำให้การจำเลยคัดค้าน แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่เห็นว่า
คำฟ้องได้มีการบรรยายความผิดซึ่งเทียบกับกฎหมายไทยไว้แล้วว่ากระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และได้มีการแนบเอกสารแสดงรูปพรรณสัณฐานผู้ที่จะร้องขอส่งตัว รวมทั้งหมดจับที่ศาลนิวยอร์กออกให้เมื่อวันที่ 3 พ.ย.52ไว้แล้ว และเมื่อจำเลยได้ยื่นคำให้การคัดค้านว่าไม่ได้กระทำความผิด ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามคำฟ้องแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ศาลยกคำร้องส่งตัวบูธคดีฟอกเงินหลักฐานไม่พอ
มีประเด็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่
เห็นว่า คดีแรกโจทก์ฟ้องขอให้ส่งตัวจำเลยกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐฯข้อหา ร่วมกันฆ่าชาวสหรัฐอเมริกา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน ร่วมกันค้าอาวุธขีปนาวุธสงคราม และร่วมกันก่อการร้าย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้ส่งตัวจำเลยเป็นผู้ร้ายข้ามแดนฐานละเมิดกฎหมายเศรษฐกิจ ฟอกเงิน ฉ้อโกง และฉ้อโกงทางอิเล็คทรอนิคส์ ค้าอาวุธและฉ้อโกง ซึ่งเป็นความผิดคนละมูลฐานกัน และความผิดเกิดขึ้นในสถานที่แตกต่างกัน ในคดีแรกเกิดขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ส่วนคดีนี้กระทำผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา คดีจึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายว่า มีเหตุให้ขังจำเลยไว้ให้ส่งตัวจำเลยเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่
เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ม.19 มีเหตุให้ต้องวินิจฉัยรวม 3 ประการ คือ 1.บุคคลที่ถูกจับกุมนั้นเป็นบุคคลซึ่งถูกร้องขอส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนและผู้ไม่ได้มีสัญชาติไทย หรือเป็นผู้มีสัญชาติไทยแต่อยู่ในหลักเกณฑ์ให้ส่งข้ามแดนได้ 2.คดีมีมูลที่จะรับฟ้องไว้พิจารณา หากความผิดนั้นได้กระทำลงในราชอาณาจักรหรือมีกฎหมายบัญญัติให้ถือว่าได้กระทำผิดในราชอาณาจักร และ 3.ความผิดซึ่งเป็นเหตุให้ร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เป็นความผิดซึ่งอาจส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ตาม พ.ร.บ.นี้ และไม่ใช่เป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหารโดยเฉพาะ
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องแล้วขอถอนฟ้องพร้อมแถลงขอนำสืบพยานเพียง 1 ปาก เพื่อยื่นยันถึงสาเหตุที่ฟ้องและสาเหตุที่ถอนฟ้อง
ซึ่งไม่ใช่เป็นประเด็นสำคัญในคดีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลย โจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอให้ศาลมีคำสั่งส่งตัวจำเลยเป็นผู้ร้ายข้ามแดน จึงให้ยกคำร้องโจทก์และให้ปล่อยตัวจำเลยภายใน 72 ชั่วโมง เว้นแต่อัยการจะแจ้งความจำนงในการยื่นอุทธรณ์ หากมีการยื่นอุทธรณ์ก็ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์ และให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งยกคำร้องโจทก์ ซึ่งจะมีผลให้นายวิคเตอร์ ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีแรก
ทำให้นาง เอลย่า บูท ภรรยานายวิคเตอร์ โผเข้าไปซบกับไหล่นายวิคเตอร์ พร้อมมีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งนายวิคเตอร์ ได้กอดปลอบใจ ส่วนบุตรสาวเดินเข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ จากนั้นนายวิคเตอร์ เดินเข้าไปสอบถามนายลักษณ์ ทนายความว่าทำไม่จึงไม่ยื่นอุทธรณ์ทันที ซึ่งนายลักษณ์ ตอบว่าต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่นายวิคเตอร์ยังได้สอบถามอีกหลายประเด็น ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ด้านนายลักษณ์ กล่าวว่า จะยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป เนื่องจากเห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นยกคำร้องของอัยการโจทก์ไม่ให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ ก็ตาม
แต่ศาลไม่ได้หยิบยกประเด็นคัดค้านของจำเลยมาพิจารณา จึงเตรียมยื่นอุทธรณ์ในประเด็นว่าการฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแรก และคดีนี้มีลักษณะทางการเมือง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมทำให้ลูกความเสียเปรียบไม่อาจต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ โดยในระหว่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการส่งตัวนายวิคเตอร์ ยังไม่สามารถดำเนินการส่งตัวนายวิคเตอร์ ได้ทันที เพราะยังติดข้อกฎหมายในสำนวนคดีแรกที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งให้ส่งตัวนั้น ที่ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นอาญาขึ้นมาพิจารณาอีกรอบ แต่ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งในคดีแต่อย่างใด ถ้าหากมีการดำเนินการส่งตัวนายวิคเตอร์ อาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้
ขณะที่นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำสั่งยกฟ้องคดีที่สอง ก็ถือว่าคำร้องขอส่งตัวนายวิคเตอร์ ในฉบับที่ 2 ไม่ได้ยื่น
อย่างไรก็ดียังมีคดีในสำนวนแรกซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ กลับไปดำเนินคดีข้อหาค้าอาวุธสงคราม ซึ่งอัยการก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ต่อมาเวลา 16.20 น. นายลักษณ์ ได้ยื่นคำร้องแสดงเจตน์จำนงค์ในการยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลแล้ว โดยศาลจะได้มีคำสั่งต่อไป