ตำรวจใช้กำลังกว่า 2,000 นาย ดูแลการชุมนุม 6-14 ต.ค.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานประชุม ศอฉ.ครั้งแรก

หลัง ครม.แต่งตั้งให้เป็น ผอ.ศอฉ. แทน “สุเทพ” ย้ำผู้กำกับทุกสถานีตำรวจเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุระเบิด รายงานเร็ว เพื่อชี้แจงให้ประชาชนไม่เกิดความตื่นตระหนก ระบุหลายครั้งไม่เกี่ยวสร้างสถานการณ์และการเมือง ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ภายใน 15 นาที เพื่อยับยั้งเหตุ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทำงานหนักขึ้นเพื่อให้การทำงานของส่วนอื่น ๆ ทันท่วงที ขณะที่ในส่วนของตำรวจเตรียมกำลังรักษาความสงบช่วงที่ นปช.-พันธมิตรฯ จะชุมนุม 6-14 ต.ค.นี้ 2,600 นาย ให้บังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน เคร่งครัด กันข้อครหาสองมาตรฐาน

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.

มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ศอฉ. แทนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ว่า ศอฉ.ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังกลุ่มต่าง ๆ ที่จะจัดกิจกรรมทางการเมือง ระหว่างวันที่ 6-14 ตุลาคมนี้ ว่าสามารถดำเนินการได้ตามกรอบรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย อาทิ ต้องไม่ให้เข้าไปในพื้นผิวถนน หรือการตั้งเวทีขนาดใหญ่ และการใช้เครื่องขยายเสียง เชื่อว่าทุกกลุ่มคงเห็นประโยชน์บ้านเมืองเป็นที่ตั้ง และจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เป็นข้ออ้างของกลุ่มต่าง ๆ ว่าเจ้าหน้าที่สองมาตรฐาน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ผู้อำนวยการ ศอฉ. เน้นย้ำเรื่องการรายงานเหตุระเบิดต่าง ๆ ที่หลายครั้งไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ และการเมือง

แต่มีความพยายามฉกฉวยเอาเหตุการณ์ทางการเมืองเป็นข้ออ้าง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน จึงสั่งการให้ผู้กำกับทุกสถานีตำรวจเข้าถึงพื้นที่ให้เร็ว และรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และ ผอ.ศอฉ.โดยเร็ว เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนก

“ส่วนเรื่องการประสานงานระหว่างทหารตำรวจ ทั้งจุดเสี่ยงและจุดเฝ้าระวัง ต้องเข้าถึงพื้นที่เพื่อระงับยับยั้งเหตุได้ภายใน 15 นาที รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการที่พอมีกำลัง ติดกล้องซีซีทีวี เพื่อดูแลธุรกิจ เพราะภาพจากกล้องซีซีทีวีจะเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามหาตัวผู้กระทำผิด ส่วนงานด้านการข่าว เจ้าหน้าที่จะต้องทำงานอย่างหนักหน่วง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่น ๆ สามารถป้องกันเหตุต่าง ๆ ได้ทันท่วงที” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร ผู้กำกับการ (ยุทธการ) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แถลงว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

มอบหมายให้ บช.น. จัดทำแผนการรักษาความสงบเรียบร้อย แผนการดูแลการจัดกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระหว่างวันที่ 6-14 ตุลาคมนี้
โดย บช.น.ได้นำบทเรียนการปฏิบัติในห้วงเวลาที่ผ่านมา มาปรับแผนการปฏิบัติให้กระชับ ชัดเจน และอุดช่องว่างต่าง ๆ

“บช.น. จะประสานงานกับแกนนำกลุ่มต่าง ๆ หลีกเลี่ยงวิธีการที่จะทำให้ปัญหาบานปลาย หรือขยายวงให้เกิดความรุนแรง และที่จะกลายเป็นเงื่อนไขของกลุ่มต่าง ๆ การควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไป ให้ผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมตามกรอบกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน หากยังไม่สามารถปฏิบัติได้ให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน โดยการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่ต่าง ๆ ให้บันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว” พ.ต.อ.ปรีดา กล่าว

พ.ต.อ.ปรีดา กล่าวว่า บช.น.ยังได้ปรับการปฏิบัติบางส่วน มุ่งเน้นการข่าวเชิงรุก เพื่อสามารถประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ถูกต้อง แม่นยำ

โดยประสานกับประชาคมข่าวทุกหน่วย การประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้ประชาชนรับทราบกฎหมาย และข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนการควบคุมพื้นที่โดยการตั้งจุดตรวจ จะดำเนินการทั้งในพื้นที่ชั้นในที่กลุ่มต่าง ๆ จัดกิจกรรม และพื้นที่โดยรอบที่เข้าสู่พื้นที่ชุมนุม โดยฝ่ายสืบสวนและสอบสวนจะประสานงานกันใกล้ชิด หากมีการกระทำผิดกฎหมายจะสามารถดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว

“เบื้องต้นจะใช้กำลังตำรวจเพียงอย่างเดียวดูแลพื้นที่ทุกจุด จำนวนทั้งสิ้น 2,600 นาย หากไม่เพียงพอจึงจะร้องขอกำลังทหารเสริม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่มจะยืดเยื้อ ผอ.ศอฉ.เน้นย้ำว่า พื้นที่ กทม.ยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดที่จัดชุมนุม ให้ตำรวจถือปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน” พ.ต.อ.ปรีดา กล่าว.- สำนักข่าวไทย

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์