“สมบัติ ตรงกมลธรรม” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEAM) ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ระหว่างวันที่ 3-8 ตุลาคม รายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้หารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ช่วงค่ำของวันที่ 4 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของไทย เปิดเผยว่า ได้พูดถึงสภาพปัญหา โดยเฉพาะบริเวณชายแดนที่ยังเห็นไม่ตรงกัน
และตกลงว่าจะหารือกันอีกครั้งในการประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงฮานอย เวียดนาม โดยระหว่างนี้ แต่ละฝ่ายจะต้องไปเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่ยังเป็นปมขัดแย้งเพื่อมาหารือกันในครั้งหน้า ว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง “ขณะนี้ยังไม่มีผลสรุปที่เห็นร่วมกัน การหารือครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง เกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่ และพยายามหากระบวนการที่จะเดินต่อ นอกเหนือจากกระบวนการของสภาฯ และคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ไทย-กัมพูชา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้สะท้อนปัญหานี้
และยอมรับว่าแต่ละประเทศจะมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจ และมีความรู้สึกรุนแรง ต้องการแก้ไขปัญหาที่อาจนำไปสู่การปะทะ ถือเป็นหน้าที่ของผู้นำที่ต้องไปทำความเข้าใจกับคนของตัวเองว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น “ผมได้พูดว่า กรอบการแก้ปัญหาอยู่ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมกัน พ.ศ. 2543 ทั้งหมด ดังนั้น จะต้องย้อนกลับไปดูเจตนาตรงนี้” นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าว
สำหรับทิศทางในการแก้ปัญหาร่วมกันจะเป็นอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการนำข้อเท็จจริงที่แต่ละฝ่ายมีอยู่มาพูดคุยกันที่กรุงฮานอย
ซึ่งอย่างน้อยจะทำให้มองเห็นว่า พื้นฐานมุมมองที่ยังเห็นแตกต่างกัน ในเรื่องข้อเท็จจริง และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง มีอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในการหารือกันครั้งนี้ถือว่ามีความคืบหน้า และเป็นเรื่องที่ดีที่จัดให้มีการพบปะกันเป็นระยะ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเข้าใจผิดที่นำไปสู่การปะทะกันได้ ซึ่งไม่มีใครต้องการเห็น
“ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศถือว่า ดีขึ้นที่ 2 ฝ่ายได้ขยับมาพูดคุยกันในระดับผู้นำรัฐบาลและพยายามขับเคลื่อนให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณทางบวก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว