นัดฟังคำสั่งส่งผู้ร้ายข้ามแดน“บูท”บ่าย2วันนี้

คมชัดลึก :ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอถอนฟ้อง"วิกเตอร์ บูท"สำนวนที่2ของอัยการ และสั่งงดกระบวนการสืบพยานทั้งหมด พร้อมนัดฟังคำสั่งส่งตัวให้สหรัฐหรือไม่ 5 ตุลา ขณะที่ทนายยื่นของฟื้นคดี หลังให้ปล่อยตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลได้รายงานกระบวนการพิจารณาต่อว่า

ในวันที่ 20 สิงหาคม 2553 นายลักษณ์ นิติวัฒนะวิจารณ์ ทนายความจำเลยได้เป็นล่ามแปลคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยฟัง แต่ในการพิจารณาครั้งนี้สอบถามนายลักษณ์แล้วไม่สะดวกเป็นล่าม ศาลจึงจัดล่ามภาษาอังกฤษให้ แต่จำเลยแถลงขอให้เลื่อนคดีออกไป 1 นัดก่อน เนื่องจากต้องการให้มีล่ามภาษารัสเซีย เพราะจำเลยอ้างว่าไม่เข้าใจสำเนียงของล่ามที่ศาลจัดให้ ขณะที่ฝ่ายโจทก์แถลงว่า ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เหตุที่จำเลยแถลงขอเลื่อนเป็นการประวิงคดี ทั้งนี้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2553 จำเลยได้ยื่นคำให้การว่าได้เข้าใจคำฟ้องโจทก์เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว โดยมีล่ามภาษาอังกฤษที่ศาลจัดให้เป็นผู้แปลตาม ป.วิอาญา มาตรา 53 แล้ว จึงเห็นว่าจำเลยเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ศาลจึงไม่ให้เลื่อนคดีตามขอ

ทั้งนี้จำเลยได้คัดค้านฟ้องโจทก์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง

ว่าสถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ขอถอนฟ้องหลังจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายข้ามแดนในคดีหมายเลขแดงที่ อผ.8/2552 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2553 จำเลยคัดค้านว่า จำเลยได้แถลงคัดค้านแล้วการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์เป็นการทำให้จำเลยเสียเปรียบในการดำเนินคดี ซึ่งการยื่นฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นทางสหรัฐอเมริกายื่นคำร้องซ้ำซ้อนกับคดีก่อน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเนื่องจาก พ.ร.บ.ผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 18 วรรคสาม ไม่ได้บัญญัติเรื่องการถอนฟ้องไว้อย่างชัดเจน

จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 35 มาใช้โดยอนุโลม กรณีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยแถลงคัดค้าน ต่อมาเมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องจะต้องสอบถามจำเลยก่อน หากจำเลยคัดค้านให้ยกคำร้องขอถอนฟ้องนั้นเสีย กรณีนี้โจทก์ขอถอนฟ้องหลังจากที่จำเลยให้การและแถลงคัดค้านแล้ว จึงไม่อาจใช้ดุลพินิจได้ จึงมีให้ยกคำร้อง

ต่อมาอัยการโจทก์แถลงว่า ทางการสหรัฐประสงค์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงไม่ติดใจสืบพยานโจทก์

แต่เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอถอนฟ้องแล้ว แต่อัยการโจทก์ได้แถลงขอสืบพยานโจทก์อีก 1 ปากเกี่ยวกับประเด็นที่มาของการยื่นคำร้องและการขอถอนฟ้อง ซึ่งศาลเห็นว่าการพิจารณาว่าจะมีคำสั่งให้คุมขังจำเลยไว้เพื่อรอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นภาระของฝ่ายโจทก์ที่จะต้องนำสืบพยานให้ฟังจนได้ความว่ามีเหตุอะไร แต่เมื่อโจทก์จะนำสืบเพียงประเด็นที่มาของการยื่นคำร้องซึ่งไม่เป็นประเด็นเกี่ยวข้องกับการพิจารณาจึงมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ และเมื่อมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์แล้ว โดยที่ฝ่ายจำเลยจะขอสืบพยานนั้นศาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจึงมีคำสั่งให้งดการสืบพยานเช่นกัน ศาลจึงนัดฟังคำสั่งคดีนี้ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ เวลา 14.00 น.

 ผู้สื่อข่าวรายงานหลังศาลนัดฟังคำสั่งส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ภรรยานายวิคเตอร์ บูทซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ได้โอบกอดนายวิคเตอร์ บูท มีน้ำตาออกมาด้วย

ด้านนายลักษณ์กล่าวว่า ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ก็ยังยื่นอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอให้รื้อฟื้นคดีที่มีการขอให้ส่งนายวิคเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายข้ามแดนในสำนวนแรกตามมาตรา 5 พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาคดีใหม่ พ.ศ.2526 โดยอ้างเหตุที่เห็นว่าการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ เพราะเห็นว่าศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยเพียงว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่ให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ศาลอาญายังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องรื้อฟื้นคดีอาญาดังกล่าว