“เสธ.หนั่น” พบตัวแทน พท.-นปช.ถกปรองดอง หวังเห็นผลในรัฐบาลนี้ “จตุพร” ย้ำจะเกิดขึ้นได้ต้องเสมอภาค
วันนี้ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย และ ส.ส.พิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา และ นายอัศวิน วิภูมิศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อเข้าพูดคุยหาแนวทางสร้างความปรองดองกับตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำ นปช. อย่างไรก็ตาม หลังการหารือ พล.ต.สนั่น มีนัดที่จะร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่อาคารที่ทำการพรรคด้วย แต่ พล.อ.ชวลิต มีภารกิจกระทันหัน จึงได้ใช้เวลาพูดคุยสั้น ๆ ก่อนขอตัวออกไป
ต่อมา เวลา 12.00 น. หลังการพูดคุยนาน 1 ชม. พล.ต.สนั่น และตัวแทนพรรคเพื่อไทยร่วมแถลงข่าวภายหลัง โดย นายจตุพร กล่าวว่า พวกตนกราบขอบพระคุณ พล.ต.สนั่น ที่ชวนสนทนาปรองดอง เพราะปัญหาของประเทศไทยวันนี้ ถ้ายังไม่มีการพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกอย่างแท้จริงบนความยุติธรรม เสมอภาค ปัญหาก็ไม่จบ โดยตนได้เรียนกับ พล.ต.สนั่น ว่า คนที่จะเป็นตัวกลางพูดคุยกันได้ในประเทศนี้ ต้องเป็นพวกที่ไม่ติดดี อ้างตนว่าวิเศษวิโสกว่าคนอื่น ถ้ามีบุคลิกเช่นนั้น จะไม่สามารถเป็นตัวกลางได้เลย และที่มากกว่านั้น ต้องเป็นคนผ่านทั้งความสำเร็จ และความเจ็บปวดในชีวิต จึงจะได้เข้าใจว่าความสำเร็จ และความเจ็บปวดคืออะไร ซึ่งในทางการเมือง พล.ต.สนั่น ผ่านมาแทบทุกตำแหน่ง ในทางชีวิตเคยถูกตัดสินจำคุกจากคำสั่งคณะปฏิวัติ พร้อมกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ก็ได้เห็นว่าชีวิตเพื่อนเราที่ถูกคุมขังในเรือนจำมีความรู้สึกอย่างไร รวมถึงชะตากรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย ดังนั้น คนที่ผ่านร้อนผ่านผ่านหนาว เห็นความสุขทุกข์ของชีวิตอย่าง พล.ต.สนั่น ย่อมมองเห็นว่าทางออกของบ้านเมืองนี้เป็นอย่างไร
“ผมได้เรียนกับ พล.ต.สนั่น ว่า การปรองดองหากจะยึดแนวปฏิบัติของกฎหมาย ก็ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียม เสมอภาค ฝ่ายเข่นฆ่าประชาชนต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับพวกตน ต้องไม่ละเลย 91 ศพ และผู้บาดเจ็บอีก 2,000 ราย สิ่งนี้เป็นหัวใจหลัก ดังนั้น ที่มีผู้ไหวหวั่นว่าเรามาพูดคุยกันแล้วทุกอย่างจบ มีผู้ได้รับชะตากรรมเพียงกลุ่มเดียว ปัญหาบ้านเมืองก็ไม่จบ ถ้าจะเริ่มต้นประเทศกันใหม่ ยุติปัญหา สร้างความปรองดอง ก็ต้องถอยกลับไปวันที่ 19 ก.ย. เพราะเป็นต้นเหตุของปัญหาประเทศนี้ทั้งหมด แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการสนทนาแลกเปลี่ยน หาใช่เงื่อนไขใด ๆ ส่วนการพูดคุยครั้งนี้ เป็นเหมือนเปิดช่องเล็ก ๆ ให้ประเทศหายใจ เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้ ประเทศนี้ คุยกันไม่ได้ หาผู้ใหญ่ยากจริง ๆ ตนจึงเห็นด้วยกับสิ่งที่ พล.ต.สนั่น ทำ เพราะในวัย 75 ปี พล.ต.สนั่น ผ่านโลกมามาก ท่านคงทราบว่าหนทางสว่าง และความสมดุลอยู่ตรงไหน“ นายจตุพร กล่าว
ด้าน พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนมาเพื่อรับฟังทุกฝ่าย และตนจะเดินหน้ารับฟังความเห็นจากทุกองค์กรต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทหาร ภาควิชาการ นักธุรกิจ ซึ่งในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะไปที่ กกต. เวลา 16.00 น. ส่วนภาควิชาการจะริ่มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้น ตนจะเก็บสิ่งที่ได้พูดคุยกับแต่ละฝ่ายไปประมวล และคงต้องมานั่งพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะการปรองดองจะเกิดได้ต้องหาจุดกึ่งกลางให้ได้ การแก้ปัญหาเราต้องคิดถึงประเทศเป็นหลัก การทะเลาะเบาแว้งกันทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น คงถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต้องหันมาร่วมมือกัน ลืมความหลัง เริ่มกันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำสิ่งที่ได้จากการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยไปรายงานต่อนายกฯ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า คงไม่ เพราะตนจะพบเขาในฐานะพรรคการเมืองเหมือนกัน
เมื่อถามว่าได้ฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ต้องฝาก ตนต้องไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เอง แต่ยังไม่มีกำหนดการ ต้องทำในประเทศให้ดีก่อน โดยพยายามให้เกิดความปรองดองเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า คาดหวังว่าการปรองดองจะเกิดทันรัฐบาลนี้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เราก็เดินไปอย่างนี้ นี่ก็เดินเร็ว เดินกึ่งวิ่งแล้ว ตนหวังว่าความปรองดองของคนในชาติจะเกิดขึ้น ทั้งมีอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า มีพระญี่ปุ่นรูปหนึ่งอยู่บนเขา เช้าก็เดินลงเขา แต่ไม่เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวันหลายเดือน จนชาวบ้านถามว่าเดินทำไม พระท่านก็ตอบว่าเดินเพื่อทำทางเดินไว้ เผื่อคนจะขึ้นไปบนวัด ถ้าไม่มีทาง คนก็ไม่ขึ้นไป ซึ่งตนก็ได้ทำทางเดินนั้นไว้แล้วเช่นกัน.