กองทัพบก 28 ก.ย. – ที่ประชุม ศอฉ. พอใจแผนเผชิญเหตุ “ปล่อยม้า” ของตำรวจ พร้อมสนธิกำลังทหาร-ตำรวจเพิ่มจุดเฝ้าระวังจากเดิมกว่า 30 จุด เป็น 77 จุด ติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติม ขณะที่โฆษก ศอฉ.ยันอีกรอบ ไม่ได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยตามหมายฉุกเฉินแล้ว หลังกลุ่มการเมืองบิดเบือนไม่เลิก
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ. วันนี้
มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสร้างสถานการณ์ เนื่องจากระยะหลังมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงจะเพิ่มจุดเฝ้าระวัง ทั้งในเขต กทม.และปริมณฑล จากเดิมกว่า 30 จุด เป็น 77 จุด รวมทั้ง จัดสายตรวจสารวัตรทหารร่วมปฏิบัติกับตำรวจ ในเส้นทางที่มีความเสี่ยง ส่วนชุดตรวจสอบวัตถุระเบิด (E.O.D) ในส่วนของทหาร เดิมที่ให้ประจำการอยู่ที่กรมสรรพาวุธทหารบก ให้เปลี่ยนมาประจำการที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) เพื่อให้สามารถออกไปป้องกันเหตุได้ทันท่วงที
“ส่วนข้อห่วงใยของ ศอฉ. ในประเด็นที่มีกลุ่มการเมือง ใช้คำพูดทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดความลำบาก เนื่องจากถูก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมตัวไว้อย่างไม่ถูกต้อง ที่เรียกกันว่าควบคุมแบบเถื่อน ซึ่งเรื่องนี้ชี้แจงแล้วว่า จากการตรวจสอบกับทุกหน่วยงาน ปัจจุบันการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือหมาย ฉ.ฉ.ไม่มีแล้ว ผู้ที่ถูกควบคุมตัวขณะนี้ คือผู้ที่ถูกดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของศาล ทั้งที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ ทัณฑสถานหญิง และสถานพินิจ ไม่มีใครถูกควบคุมตัวในลักษณะต้องสงสัยแล้ว” โฆษก ศอฉ. กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
ชี้แจงต่อที่ประชุม เหมือนกับที่ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ทั้งเรื่องการบูรณาการด้านการข่าว การทำแผนเผชิญเหตุ ในการปฏิบัติให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อกำหนดจุดปิดกั้น ปิดล้อมชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก โดยได้รับความร่วมมือจากสารวัตรทหารเพิ่มขึ้น เพิ่มมาตรการการสืบสวนสอบสวน เพื่อขยายผลและกดดัน โดยการสมมติสถานการณ์และการเข้าเผชิญเหตุ หรือที่ตำรวจเรียกว่า “ปล่อยม้า” ซึ่งที่ประชุม ศอฉ.ก็พอใจ การกำหนดจุดให้ กทม. ติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติม รวมทั้งการปลุกเร้าให้ประชาชนมีความตื่นตัว กับการแจ้งเหตุให้กับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองทั้งหมด เพราะมีบางกรณีเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นลักษณะของการผสมโรงเข้ากับเหตุการณ์บ้านเมือง.- สำนักข่าวไทย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
