นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงวันที่ 23 กันยายนที่พรรคเพื่อไทยถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยขโมยอาวุธสงครามจากค่ายทหารใน จ.ลพบุรีว่า
จากการจับกุมผู้ต้องสงสัยในการขดมยอาวุธสงคราม ที่ จ.ลพบุรี เป็นทหารยศสิบเอก 1 นายและคนนอกซึ่งเป็นลูกจ้างรวมทั้งสิ้น 4 คนนั้นไม่มีปรากฎของกลาง พรรคเพื่อไทยจึงเป็นห่วงว่าการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้จะถูกบิดเบือนจากขบวนการค้าอาวุธ มาเป็นการใส่ร้ายคนเสื้อแดง เพราะตามหลักปฏิบัติการเปิดคลังแสงกลางของกรมสรรพาวุธทหารบกนั้นระเบียบกองทัพ จะมีกุญแจอยู่ 3 ชุด โดยมีผู้รับผิดชอบ 3 คนคือ
1.นายทหารเวร
2.เจ้าหน้าที่คลัง
3.ผบ.ร้อยหรือ ผบ.หน่วย ซึ่งจะต้องให้ทั้ง 3 คนจะต้องมาร่วมกันเปิดจากกุญแจ 3 ชุด
“การจะเปิดคลังแสงนั้นจะต้องลงบันทึกในสมุดปูมบันทึกเพื่อทำประวัติคนเข้าออก และใครเบิกอาวุธอะไรออกไปอย่างเรียบร้อย ดังนั้นการจับกุมจะกลายเป็นหนังฮอลีวูดเมืองไทย เพราะเป็นไปได้ยากที่คนนอกจะเข้าไปได้ โดยเฉพาะการงัดแงะนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด และการจะเปิดได้นั้นระดับลูกจ้างและนายสิบ คงจะเข้าไปเปิดคลังแสงไม่ได้ แต่จะต้องมีนายทหารระดับสูงรู้เห็นเป็นใจ พรรคเพื่อไทยจึงคิดว่าเรื่องนี้อาจจะมีการโยนความผิดให้คนเสื้อแดง โดยจะมีการสร้างเรื่องให้ลูกจ้างเหล่านั้นเป็นคนเสื้อแดง หรือไม่ก็มีญาติเป็นคนเสื้อแดง หรืออาจจะกลายเป็นทหารแตงโมไปเลยก็ได้” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าแหล่งข่าวจากภายในกองทัพ แจ้งกับพรรคเพื่อไทยว่าอาวุธปืนทั้งหลายหายไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุการณ์ยิงอาร์พีจี ที่กระทรวงมหาดไทย ที่คลังน้ำมันจ.ปทุมธานีและคลังน้ำมันที่จ.นนทบุรี จะเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามและระเบิดอาพีจีที่หายไปหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนจากกองทัพ ฝ่ายการเมือง ภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นการเพื่อตรวจสอบให้เกิดความขัดเจน