สุรยุทธ์ ใช้เวทีเอเปกแจงสถานการณ์-ศก.พอเพียง

สุรยุทธ์ เตรียมใช้เวทีเอเปกที่เวียดนามชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยต่อผู้นำโลก และสื่อต่างประเทศ โดยหอบเอกสารปึกใหญ่ติดมือไปด้วย เผยมีการแนะนำพระราชกรณียกิจ นโยบายรัฐบาลโดยเฉพาะการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงให้ทั่วโลกได้เข้าใจด้วย

วันนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบด้วย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ และรมว.คลัง นายนิตย์ พิบูลสงคราม รมว.ต่างประเทศ นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก ครั้งที่ 14 ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2549

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการเดินทางครั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ เตรียมแฟ้มเอกสาร (PRESS KIT)จำนวน 1,000 ชุด เพื่อนำไปแจกจ่ายให้สื่อมวลชนต่างประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุมที่เดินทางมาทำข่าวการประชุมเอเปก โดยจะนำไปวางไว้ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ

ทั้งนี้ ในแฟ้มดังกล่าวประกอบด้วย พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซีดีที่แนะนำประเทศไทย เอกสารแสดงถึงตัวเลขเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย เอกสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นโยบายรัฐบาล พร้อมประวัติ พล.อ.สุรยุทธ์ ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีเรื่องนโยบายเศรษบกิจพอเพียงให้ต่างชาติได้เข้าใจด้วย

โดยนายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศกองทัพอากาศ เวลา 12.45 วันนี้(17พย.) โดยเครื่องบินกองทัพอากาศ เพื่อเดินไปยังท่าอากาศยานนอยไบ เมื่อเดินทางถึงกรุงฮานอยแล้วจะเดินทางต่อไปยังโรงแรม Melia Hanoi ซึ่งรัฐบาลเวียดนาม ได้จัดให้เป็นโรงแรมที่พัก เวลา 16.30 น.นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม APEC CEOSummit 2006 หัวข้อ Successfully Competing for Foreign Direct Investment : What are the lessons learned from APEC Economies?ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะหารือผู้แทนสภาร่วมธุรกิจเอเปกสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ที่มีการดำเนินธุรกิจในไทย อาทิ AIG, Citigroup, Fedex, GM, Microsoft เป็นต้น

สำหรับสมาชิกเอเปกมีทั้งหมด 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไนดารุสซาลาม แคนาดา ชิลี จีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทย สหรัฐอเมริกาและเวียดนาม ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสมาชิกเอเปกมีมูลค่าประมาณ 19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมโลก (World GDP) เอเปกมีสัดส่วนการค้าร้อยละ 47 ของมูลค่าการค้าโลกและสัดส่วนการค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกเอเปกสูงถึงร้อยละ 70 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยทั้งหมด