กลางที่ประชุมใหญ่ ก่อนหยิบไมค์ฯมาพูดแทน จวกสั่งยึดรถประจำตำแหน่ง ห้ามเข้าสำนักงานฯ เล่นแรงเกินไปแล้ว
วันนี้ ( 21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อ้างในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่า สตง.เรียกประชุมผู้บริหารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ระดับรองผู้ว่าการฯ ลงมาจนถึงระดับผู้บริหารระดับ 9 ทั้งส่วนกลาง และภูมิภาคประมาณ 40 คน โดยใช้ห้องประชุมใหญ่ชั้น 3 ซึ่งเป็นการเรียกประชุมนัดแรกของนายพิศิษฐ์ เพื่อชี้แจงปัญหาต่าง ๆ ต่อผู้บริหาร สตง.
ขณะที่เริ่มประชุมไปได้ไม่นาน คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ที่ยังอ้างนั่งรักษาการผู้ว่าการสตง.เช่นกัน ได้เดินเข้ามาในที่ประชุม
เข้ามาตบไหล่ นายพิศิษฐ์ พร้อมบอกให้นายพิศิษฐ์ ขยับออกไปจากที่นั่งหัวโต๊ะ และหยิบไมโครโฟนมาพูดแทน โดยพูดต่อว่านายพิศิษฐ์ เรื่องออกคำสั่งยึดรถประจำตำแหน่ง และห้ามเข้าสำนักงาน พร้อมเอ่ยว่านายพิศิษฐ์ เล่นแรงเกินไปแล้ว พร้อมกันนี้ได้อ้างคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่ไม่รับคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ในคดีที่นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองสั่ง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา หยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่า สตง. ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา
ทั้งนี้คุณหญิงจารุวรรณ ยืนยันว่ามีอำนาจตามกฎหมาย ระหว่างนั้นเองนายพิศิษฐ์และผู้บริหารบางส่วนได้เดินออกจากห้องประชุมใหญ่
สักพักไฟในห้องประชุมก็ดับลง แต่คุณหญิงจารุวรรณก็ยังคงพูดผ่านไมโครโฟนต่อไป แม้ไฟฟ้าในห้องประชุมจะถูกตัดไปแล้วก็ตาม ต่อมา นายพิศิษฐ์ แถลงข่าวกับสื่อมวลชนในช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่ได้ระบุชื่อผู้ที่แทรกแซงการประชุมแต่อย่างใด โดยตลอดการแถลงข่าวคุณหญิงจารุวรรณ ก็ได้มานั่งสังเกตการณ์ตลอดจนเสร็จสิ้นการแถลง และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายพิศิษฐ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการประชุมผู้บริหารของ สตง.ครั้งแรกได้ เนื่องจากเกิดเหตุแทรกแซงการประชุม จนทำให้ปิดการประชุมทั้งที่ยังไม่เริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามต้องการให้สื่อมวลชน และประชาชนรับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะ สตง.เป็นองค์กรของประชาชน แต่กลับไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้.