กรณ์แจงค่าเงินบาทแข็งชี้เงินให้กระเป๋าปชช.มีค่ามากขึ้น

เมื่อเวลา 11.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายประเกียรติ  นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย

ตั้งกระทู้ถามสดนายกรณ์  จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังถึงกรณีที่ค่าเงินบาทแข็ง ว่า  ขณะนี้เกิดผลกระทบจากการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้น โดยมีข่าวการชะลอการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจการส่งออกเลิกรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพราะไม่สามารถทนต่อการแข็งค่าของเงินบาทได้ รวมถึงมีผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกข้าว ที่วันนี้ผู้ส่งออกบางรายอดทนไม่ไหวต่อไปแล้ว และยังมีแนวโน้มว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าไปเรื่อยๆ เนื่องจากการแก้ปัญหาไม่ถูกทาง ขอถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่ากระทรวงการคลังมีมาตราการอย่างไรที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว

นายกรณ์ ชี้แจงว่า ถ้าจำได้วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อ 13 ปีก่อนค่าเงินบาทลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอ่อนตัวสูงสุดถึง  50 บาทแลกได้ 1 เหรียญ

ซึ่งได้สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ จนต้องกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ โดยวิกฤตที่เกิดขึ้นมาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทยอ่อนแอจึงส่งผลโดยตรงต่อความอ่อนค่าในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนของไทย แต่วันนี้โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็ง อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกติดอันดับต้นในโกลที่มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ สถาบันทางการเงินอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินที่มีระดับทุนที่สูงมากกลุ่มหนึ่ง ค่าเฉลี่ยของทุนเกินหุ้นของธนาคารของประเทศอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ เกินจากค่ามาตราฐานโลกที่ได้กำหนดไว้ที่ 7 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และหนีสาธารณะที่น้อยกว่าทุดคนคาดคิดไว้ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ระดับความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในโครงสร้างสถาบันการเงินไทยโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยดีมากขึ้นเรื่อยๆ)บริหารอยู่ก็ชัดเจนเช่นเดียวกันมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆทำให้อัตราค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามไป

นายกรณ์ กล่าวว่า การที่ค่าเงินบาทแข็งความหมายในเชิงบวกมีมาก เพราะหมายความว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับความสามารถในการซื้อสินค้าจากทั่วโกล กำลังซื้อของคนไทยเพิ่มมากขึ้นส่วนผลกระทบในเชิงลบนั้นมีในส่วนของผู้ประกอบการส่งออกที่ประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคา