เพ้อเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ เชื่อ“บิ๊กโก”ถอนตัวแคนดิเดตเหตุไม่อยากเปลืองตัวกับพรรคแตกแยก
วันนี้ ( 15 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และได้มีการวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองของพล.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่วิเคราะห์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 54 นั้น ว่า ช่วงนั้นรัฐบาลหมดวาระพอดี แต่ที่บอกว่ามีรัฐบาลแห่งชาติในเดือนธ.ค.54นั้น ตนไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่เข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวออกมาได้อย่างไร เพราะพล.อ.ชวลิตได้พูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก แม้รัฐบาลจะจบวาระก็ยังจะพูดเรื่องดังกล่าวอยู่ เพราะฉะนั้น คิดได้ว่าเป็น “โรคซ้ำซาก”ของผู้สูงอายุ ส่วนการที่พล.อ.ชวลิตบอกว่าต้องล้มรัฐบาลเพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจอีกครั้งนั้น หากทำถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย สังคมรับยอมรับไม่ได้ การที่บอกว่าการต้องสู้ต้องมีความชัดเจน ที่ต้องต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีทั้งอำนาจเงินและปืน
ทั้งนี้ รัฐบาลที่กุมอำนาจรัฐ ใช้อำนาจตามขอบเขตกฎหมาย แต่หากพรรคเพื่อไทยใช้การต้อสู้ด้วยอำนาจเงินและปืน ถือว่าเป็นการหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมายและปลุกเร้าความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคม
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค ยังกล่าวถึงการที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกครั้งว่า ตนก็ขอแสดงความยินดี
แต่สิ่งที่เห็นคือการที่นายยงยุทธแถลงลาออก และกลับมา ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง แต่กลับเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง การที่แคนดิเดตอย่างพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร. ถอนตัวออกไป มีข้อสงสัยทางสังคมว่า การเอาพล.ต.อ.โกวิทมาล้างภาพความไม่จงรักภักดีนั้น แต่ที่ไม่เอามาเพราะไม่ต้องการล้างภาพแล้วหรือ ซึ่งตนขอตั้งข้อสังเกตที่พล.ต.อ.โกวิท ไม่มารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค 5 ข้อ 1.ไม่อยากเปลืองตัว และไม่อยากยุ่งเกี่ยวการเมืองกับเพื่อไทยที่กำลังแตกแยก 2.การไม่เข้ามาเพราะมีคนในพรรคขัดขวางจนหาข้อสรุปไม่ได้ 3.การตกลงเงื่อนไขนายใหญ่ไม่ได้ข้อยุติ หรือไม่ทำตามบัญชานายใหญ่ 4.ข้อหาล้มเจ้าที่ประทับตราพรรคเพื่อไทยยากต่อการฟอกให้ขาว และ 5.พล.ต.อ.โกวิทได้รับสัญญาณบางอย่างคือการทรยศต่อชาติ แต่ที่น่าเสียใจคือพรรคเพื่อไทยขณะนี้กระบวนการประชาธิปไตยได้ล่มสลาย เพราะไม่ได้มีการแข่งขันอย่างเสรี มีการบล็อกโหวตทุกตำแหน่ง แม้จะมีโอกาสเลือกส.ส.ในพรรคเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา แต่ก็ไม่ทำ