สมหมาย ภาษี เป็นรมช.คลัง

หลังจากที่หลายฝ่ายได้เฝ้ารอดูว่าองค์กรอิสระที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองจะสามารถเอาคนทุจริตมาลงโทษได้หรือไม่นั้น ล่าสุดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้ออกมาพูดอีกครั้งว่าคนโกงไม่มีวันหมดไปจากประเทศไทย

ป๋าเปรม ยันคนโกงไม่มีวันหมด

เมื่อวันที่ 17พ.ย. เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวปาฐกถาเรื่อง การทุจริตประพฤติมิชอบภัยอันตรายของชาติ เนื่องในงานครบรอบ 7 ปี การก่อตั้งสำนักงาน ป.ป.ช. โดย พล.อ.เปรมกล่าวตอนหนึ่งว่า ป.ป.ช.ถือเป็นองค์กรอิสระที่มีความสำคัญมาก ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ สะอาดของชาติบ้านเมือง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงไปถึงเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายของ ป.ป.ช.ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผุดผ่องของบ้านเมือง การทุจริตในบ้านเมืองจะไม่มีวันหมดสิ้นไป แม้แต่ในโลกนี้ก็เหมือนกัน การทุจริตจะไม่มีวันหายไป ตราบใดที่ยังมีคนไม่ดีในชาติ การทุจริตก็จะยังคงอยู่ โดยเฉพาะในวงราชการ รัฐวิสาหกิจ คนที่รักชาติก็จะคิดว่า ควรให้อะไรกับชาติ และควรละเว้นอะไรบ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้น อาจทำให้การทุจริตน้อยลง

พล.อ.เปรมกล่าวว่า การบอกว่าการทุจริตไม่มีวัน หมดไปได้ โดยพฤตินัยน่าจะจริง แต่ทางนิตินัยน่าจะเป็นไปได้ ถ้าเรานำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องให้คนดีเข้ามาดูแลอย่าให้คนไม่ดีเข้ามาวุ่นวายได้ ถ้าทำได้จริง การทุจริตคอรัปชันจะไม่มี แต่คิดว่าน่าจะทำไม่ได้ ดังนั้น ป.ป.ช.มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันปราบปรามการทุจริต การที่จะทำให้คนอื่นไม่ทุจริตนั้น ป.ป.ช.ต้องทำก่อนต้องแสดงความชัดเจนให้เห็นจริงจังว่าเป็นคนจริง ถือเกียรติภูมิของชาติ มีความสง่างาม ป.ป.ช.ต้องทำตัวเป็นความหวังของชาติให้คนศรัทธานับถือ ทำตัวเองให้สะอาด มีกลิ่นหอมทวนลม ขอให้กำลังใจ ป.ป.ช.ให้ทำหน้าที่เพื่อดำรงความยุติธรรมในชาติ ไม่ช่วยคนผิด ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือจองเวรใคร สิ่งเหล่านี้ต้องยึดมั่นให้ได้ในใจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. การทำงานที่เหนื่อยและเสี่ยงอันตรายเป็นงานที่ท้าทาย แต่ก็น่าภาคภูมิใจ เพราะเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ ต่อความมีเกียรติมีชื่อเสียงของชาติในโลกนี้

ป.ป.ช.ต้องแข็งสู้อำนาจเงิน

ประธานองคมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ช.ต้องมุ่งมั่นกล้าหาญที่จะต่อสู้ ทำจิตให้สงบ สะอาด เพราะคำว่าเงิน มีอิทธิพลมากในการที่จะให้เกิดหรือไม่ให้เกิดอะไรขึ้นได้ เงินซื้อได้แทบทุกสิ่ง ซื้อคนดีก็ได้ ซื้อคนชั่วก็ได้ ซื้อความเป็นธรรมก็ได้ ความไม่เป็นธรรมก็ได้ แม้แต่ชาติ ก็อาจถูกซื้อไปได้ ดังนั้น ป.ป.ช.จะต้องกล้าหาญและแข็งแกร่งจริงๆ จึงจะสู้กับอิทธิพล หรืออะไรก็ตาม ที่จะใช้เงินเพื่อประโยชน์ของตน หรือพรรคพวกของตน ทหารอาชีพอย่างตน เคยเป็นทหารอาชีพกองหนุน ต้องเป็นทหารของพระมหากษัตริย์ที่มีความจงรักภักดี ป.ป.ช. ก็เหมือนกันต้องเป็น ป.ป.ช.มืออาชีพมีความรอบรู้ ที่สำคัญที่สุดต้องถือว่า ป.ป.ช.คือข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พล.อ.เปรมกล่าวว่า เรื่องคุณธรรมจริยธรรมมีหลายอย่างที่ทำให้เราลืมไป สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งล่อใจหรือเย้ายวนให้หลงไป เช่น การมีอคติที่ประกอบด้วยรัก กลัว โกรธ เขลา สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณธรรมจริยธรรมลดลง ถ้ามีมากก็ทำให้เราหลงใหลเห็นสิ่งไม่ดีเป็นสิ่งดี เช่นคำว่าตกเบ็ด ติดเบ็ด ที่มีจริงๆ คือการเอาผู้หญิงมาล่อ แต่จะถึงกับมีการเอาผู้ชายมาล่อหรือไม่นั้น ไม่ยืนยัน บางทีก็ได้ผลด้วย ซึ่งเป็นหนทางให้เกิดความไม่เป็นธรรม เกิดความไม่ดีขึ้น ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ใจแข็งมากๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มีจริง ถ้าเราใจไม่แข็ง ไม่มีคุณธรรม ไม่ซื่อสัตย์ จะทำให้เสียคนได้ อยากให้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาท่องให้ขึ้นใจสวดมนต์ให้เข้าใจว่า ต้องมีสติปัญญา หิริโอตตัปปะ พรหมวิหาร 4 อริยสัจ 4 ถ้าไม่ทำเราจะมีศัตรูเยอะแล้วเราอาจเสียคนไปเลยก็ได้

แช่งคนทุจริตให้ประสบหายนะ

พล.อ.เปรมกล่าวว่า ตนมีความเชื่อว่า ความดีที่เราทำขึ้นในอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะเป็นเกราะคุ้มครองให้พ้นอันตรายต่างๆ ถ้า ป.ป.ช.ทำความดี ก็ขอให้มั่นใจว่า ความดีจะคุ้มครองป้องกันให้ปลอดภัย พระสยามเทวาธิราช จะทรงคุ้มครองคนดี ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใครก็ตามที่แม้แต่คิดจะยึดถือมาเป็นของตนเอง หรือพรรคพวก เพื่อประโยชน์อันไม่ชอบธรรมก็จะพบกับความหายนะในที่สุด พระสยามเทวาธิราชจะปกป้องคนดี และสาปแช่งคนไม่ดีให้ตกทุกข์ได้ยาก ใครคิดไม่ดี คิดทุจริตต่อชาติบ้านเมือง สุดท้ายจะประสบกับหายนะ

พล.อ.เปรมกล่าวว่า สิ่งที่พูดมา ถ้ารัฐบาลและองค์กรต่างๆ นำไปปฏิบัติจะป้องกันการทุจริตในวงราชการได้ หวังว่า ป.ป.ช.จะเข้าใจเจตนาที่ตนพูดว่า ไม่ได้ตั้งใจมาตำหนิใคร เพราะนับถือคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ว่า ได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ตนไม่ตำหนิใครง่ายๆ เว้นแต่ว่าคนคนนั้นสมควรได้รับการตำหนิจริงๆ ขอให้ ป.ป.ช.ภูมิใจที่ได้รับฉันทานุมัติจากรัฐบาลและคนไทยให้ดูแลทรัพย์สมบัติของชาติ และขอให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. เพื่อให้ชาติมีการทุจริตน้อยลง ไม่ให้คนไม่ดียุ่งกับชาติบ้านเมือง คนไม่ดีจะไปตั้งคณะไม่ดีที่ไหนก็ไป แต่อย่ามายุ่งกับชาติบ้านเมือง ป.ป.ช.ต้องทำงานหนัก เหนื่อยมากจึงจะสำเร็จ แต่ถ้าทุกคนไม่ยอมเหนื่อย คนที่จะหนักและเหนื่อยคือประชาชน ก็ขอให้เลือกเอาว่าจะยอมเหนื่อยเพื่อประชาชน หรือจะยอมให้ประชาชนเหนื่อย แต่หวังว่า ป.ป.ช.จะเลือกเหนื่อย ทำงานหนักไม่ถอยหนี เพื่อประชาชน

สุรยุทธ์ น้อมรับเสียงวิจารณ์

ทางด้านภารกิจของนายกรัฐมนตรีนั้น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำความเข้าใจกับสังคมเนื่องในโอกาสจะครบรอบ 2 เดือน ว่า อันนี้เป็นเรื่องของการตรวจสอบและช่วยกันดูแล สิ่งใดที่มีการตักเตือนมา ก็จะได้หาทางแก้ไข ซึ่งเป็นแนวทางที่ตนบอกไว้แต่ต้นแล้วว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน อย่างข้อเสนอจาก พม.เรื่องสังคมเชื่อถือกัน ช่วยเหลือกัน และไม่ทอดทิ้งกัน ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอีกยาว และสื่อมวลชนน่าจะช่วยกันถ่ายทอดให้สังคมได้รับทราบ ถ้ามองเฉพาะเรื่องที่เป็นแง่ลบ ไม่เสนอสิ่งที่ดีงามให้แก่สังคมบ้าง สังคมก็คงจะลำบาก นพ.ประเวศ วะสีก็พูดกับตนว่า ถ้าเรื่องเลวลงในสื่อ ถ้าเรื่องดีต้องจ้างถึงจะลงได้ จึงเป็นเรื่องที่สื่อต้องมองตัวเองและควรคิดว่าจะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือสังคมบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พอใจกับการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ถ้าให้ผมมองตัวเองก็เดินไปได้สักก้าวครึ่ง ยังมีอีกหลายก้าวยังไม่คืบหน้าไปเท่าไรนัก ถ้าดูด้วยตัวเอง ก็อยู่ที่ท่านทั้งหลายจะช่วยกันประเมินและวิจารณ์ว่าจะไปทางไหนกันดี และนอกจากการประเมินแล้ว ก็ควรจะแนะนำด้วย เมื่อถามว่าอุปสรรคในการสร้างความปรองดองและความสมานฉันท์ในบ้านเมืองคืออะไร พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า โดยหลักการคือทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง การจะปรับความคิดก็ต้องใช้เวลา เพราะเป็นเรื่องเหตุผลที่ต้องช่วยกันชี้แจงและทำความเข้าใจ แต่ถ้าความคิดนั้นยังไม่ได้จัดระเบียบ ไม่ได้รวมกลุ่ม มันก็คงไปคนละทาง 2 ทาง อันนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา

รัฐบาลตั้ง รมต.เพิ่ม 2 คน

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีกระแสข่าวการปรับ ครม. ของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมาเป็นระยะๆ ล่าสุดได้มีการนำรายชื่อ ครม.รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ 2 ขึ้น ทูลเกล้าฯไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่ม 2 คน ได้แก่ นายสมหมาย ภาษี อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง เป็น รมช.คลัง และนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ยอมรับว่ามีการปรับคณะรัฐมนตรีจริง โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ทราบว่า แต่งตั้งเพิ่ม 2 ตำแหน่งคือนายสมหมาย ภาษี เป็น รมช.คลัง และนายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้นำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่าสำหรับการแต่งตั้ง รมต.เพิ่มขึ้น 2 คน หลังจากทำงานผ่านมาระยะหนึ่ง นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่ง รมช.คลัง นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังมีงานในความรับผิดชอบมาก ต้องการให้ นายสมหมายมาช่วยงาน

เตรียมเดินสายตรวจงาน ผวจ

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) ทั่วประเทศเพื่อหาแนวทางคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมเป็นสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ โดย พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ผวจ.เป็นผู้ที่มีข้อมูลพื้นฐานอยู่ในกำมืออยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการที่จะนำไปดำเนินการซึ่งเรื่องประชาธิปไตย ความพอเพียง ความอยู่ดีมีสุข และสมานฉันท์ ก็ถือว่าเป็นความสำคัญเร่งด่วนต้นๆ แต่หาก ผวจ.ลงไปในท้องถิ่นก็คิดว่าจะต้องมีอะไรเร่งด่วนมากกว่านี้ ตนเป็นผู้ที่มีโอกาสที่ได้เดินทางค่อนข้างมาก ต้องใช้เวลาในส่วนที่เหลือ อาจจะเป็นในช่วงปีใหม่ หรือหลัง จากนั้นเดินทางไปพบปะกับ ผวจ.ในต่างจังหวัด แต่อาจจะไม่ได้ไปทุกจังหวัด ซึ่งตั้งความหวังไว้อย่างน้อยๆ จะไปในพื้นที่จังหวัดที่มีพื้นที่กว้างขวางในภาคเหนือ-อีสาน เพื่อเยี่ยมเยียนว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาอะไรบ้าง

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ