สุเทพสั่งเฝ้าระวัง 2 สัปดาห์อันตราย

“สุเทพ” แจงเปลี่ยนเส้นทางเข้าทำเนียบ ไม่เกี่ยวนายกฯเตือนระวังตัว เตือน 2 สัปดาห์อันตรายเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น รับหนักใจคนบ้าคิดร้ายบ้านเมืองมีเยอะ วอนประชาชนเป็นหูเป็นตา แต่อย่าตื่นตระหนก...

เมื่อเวลา 08.45 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางมาปฏิบัติงานยังทำเนียบรัฐบาลจากเส้นทางเดิมที่ใช้ เป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนให้ระบุระมัดระวังตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ว่า ตนไม่ได้ดูเส้นทางว่าคนขับเขาพาไปทางไหน เพราะใช้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์มาตลอด เงยหน้าขึ้นมาก็ถึงทำเนียบรัฐบาลแล้ว อย่าไปคิดอะไรให้มากมายว่าที่เปลี่ยนเส้นทางเพราะเหตุนั้นเหตุนี้

ด้านกรณีที่นายกฯ ระบุว่าให้ระวังอย่างเข้มงวดเรื่องการก่อวินาศกรรมหรือความวุ่นวาย และเป็นช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดกิจกรรมในวันที่ 19 ก.ย.นี้

นายสุเทพ กล่าวว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าไม่ต้องไปตื่นตระหนกหรือหวั่นเกรงจนเกินไป บ้านเมืองเราโชคไม่ดีที่มีคนบางกลุ่มบางพวกคิดที่จะทำร้ายบ้านเมืองด้วยการก่อเหตุวุ่นวาย ก่อวินาศกรรม วางระเบิดหรืออะไรต่างๆ พวกเราก็มีหน้าที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองของเรา คนดีๆทั้งหลายก็ต้องช่วยกันรวมแรงร่วมใจกันเป็นหูเป็นตา

ส่วนรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังที่มีหน้าที่รักษาความสงบก็ให้จัดชุดเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญหรือบุคคลสำคัญตามขีดความสามารถที่เรามีอยู่ ขณะที่คนที่มีหน้าที่หาข่าวก็หาข่าวไป ดังนั้นพี่น้องประชาชนเมื่อได้รับทราบข่าวก็อย่าได้กังวล

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเปิดทีวี เห็นคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ออกมาตำหนิรัฐบาลใหญ่โตว่าสร้างสถานการณ์ เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารมาลาดตระเวน มาตรวจตราสถานีรถไฟตรงโน้น ตรงนี้

ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์ ตนจึงเห็นว่าคุณจตุพรเป็นคนสมองเล็กความจำสั้น ที่จริงเรื่องนี้คุณจตุพรเอง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดก่อนเพื่อนว่าจะมีการวางระเบิดรถไฟใต้ ทำให้ประชาชนตกใจ พวกตนเป็นเจ้าหน้าที่ก็ต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนอุ่นใจ หากเปิดสื่อต่างประเทศ ทั้งประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกาและญี่ปุ่น เขามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ประจำตามสถานีรถไฟใต้ดิน และบนดิน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน

“ยุคสมัยนี้คนบ้ามีเยอะ คนที่คิดทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนแตกตื่นเสียขวัญตกใจ มันมีมาก ดังนั้นต้องระวังคนบ้า คนคลุ้มคลั่งพรรค์นี้ และต้องป้องกันคนส่วนใหญ่เอาไว้” นายสุเทพ กล่าว

ส่วนที่มีข้อสังเกตเหตุการณ์มีการลอบวางระเบิดในกทม. มีการนำไปเชื่อมโยงกับการก่อเหตุให้จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะเชื่อมโยงกัน เพราะคนที่ก่อเหตุนั้นก็เป็นประเภทคลุ้มคลั่งอีกพวกหนึ่งที่ต้องหาทางนำตัวมาลงโทษให้ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่าคนก่อเหตุน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน เพราะลักษณะการประกอบวัตถุระเบิดนั้นมีความใกล้เคียงกัน

รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ถึงกับเหมือนกันเสียทีเดียว บางครั้งสื่อไปถามเจ้าหน้าที่เยอะ และเมื่อพูดเยอะก็ยิ่งสับสนมากขึ้น ค่อยๆดูกันก่อน

ส่วนฝ่ายความมั่นคงมองอย่างไรกับข้อสังเกตที่ว่าผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ใม่ใช่ฝ่ายที่สูญเสียอำนาจและไปก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ ตามที่มีการกล่าวหาจากหลายฝ่าย

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามที่จะพูดตามพยานหลักฐาน ไม่อยากคาดการณ์อะไรมาก เพราะเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าไม่มีใจปรองดองอีกแล้วจะยุ่ง

ด้านทางการข่าวทราบหรือไม่ว่าจะมีกิจกรรมที่คนเสื้อแดงจัดขึ้นจะมีเหตุอะไรรุนแรงที่น่ากังวลหรือไม่

นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นเฝ้าระวัง ตนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ไปดูรายละเอียดข้อกฎหมายว่าขณะที่ยังคง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ กิจกรรมอะไรบ้างที่ทำแล้วผิดกฎหมาย จะได้ประกาศให้เขาทราบล่วงหน้า

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ระบุว่ากิจกรรมที่คนเสื้อแดงจะไปวางดอกไม้แดงตามจุดต่างๆที่มีการชุมนุม เช่น บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ก็เข้าข่ายหมิ่นอำนาจศาล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องให้ฝ่ายกฏหมายชี้แจง ต่อข้อถามว่าการเดินทางไปวางดอกไม้แดงบริเวณเรือนจำที่คุมขังแกนนำคนเสื้อแดง เพราะต้องการกดดันให้ปล่อยตัวแกนนำ  ตนไม่กังวลใจกับการดูแลความปลอดภัยของเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งในการประชุมศอฉ.ช่วงบ่ายวันนี้ จะพิจารณาแผนงานที่ทางศอฉ.ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ไปไปจัดทำแผนเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆมารายงานให้ทราบ ด้านมองภาพรวมรู้สึกหนักใจกับกิจกรรมที่คนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนหนักใจทุกรอบหนักใจทุกวัน และไม่ใช่เฉพาะแค่ตน เจ้าหน้าที่ทุกคนก็หนักใจ แต่ว่าเป็นหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์