ผลการจัดอันดับมหาเศรษฐีไทยของ"ฟอร์บส์"ประจำปี 2553พบว่า1 ใน 40 เศรษฐีไทยมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
วันนี้ อดีตนายกฯ ไม่ได้ร่ำรวยที่สุด อันดับของเขาหล่นไปอยู่อันดับ 23 โดยมีทรัพย์สินรวม 390 ล้านดอลลาร์ หรือ ราว 12,480 ล้านบาท
ทั้งๆ ที่เพิ่งถูกศาลฎีกาฯ สั่งยึดทรัพย์ไปกว่า 46,000 ล้านบาท
หากย้อนกลับไปในช่วงที่เขาเรืองอำนาจ ตระกูลชินวัตร ติดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยอันดับต้นๆติดต่อกัน 5 ปีซ้อน
วันนี้ ความมั่งคั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลดลง ทำให้เขาต้องกลับมาทำธุรกิจเต็มตัวอีกครั้ง
ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ"ไทยรัฐออนไลน์" ( 2 กันยายน 2553)ว่า
" ผมเดินทางมาทำเหมือง เลยไม่มีเวลา จึงลาออก(ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฮุนเซน) ดีกว่า
" ผมขอทำเรื่องของตัวเองมั่ง อายุก็เยอะแล้วไม่ค่อยมีเวลา ทำงานให้ตัวเองดีกว่า ทรัพย์สินหามา ก็ถูกปล้นไปเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ก็ต้องหาใหม่เพื่อสร้างหลักสร้างฐานให้ลูกต่อไป"
ย้อนกลับไป พฤศจิกายน 2552 ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่ บรรณาธิการของไทม์ด้านเอเชีย สัมภาษณ์อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรที่กำลังลี้ภัยที่บ้านของเขาที่นครดูไบ
ครั้งนั้น "ริชาร์ด ลอยด์ แพรี่" ถาม พ.ต.ท.ทักษิณว่า มีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศไทยเท่าไร ?
คำตอบคือ " ไม่มาก(ครับ)นอกประเทศ ผมเคยมีถึงห้าหกพันล้านบาท แต่จ่ายเป็นค่าบ้าน ค่าโน่นค่านี่ เหลือประมาณสามพันห้าร้อยล้านบาท"
หากวิเคราะห์จากคำพูดของอดีตนายกฯ ทักษิณ แสดงว่า สินทรัพย์ของทักษิณมีอยู่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ