ล้างบางใหญ่แม่ทัพ4ภาค“บิ๊กตู่”ผงาดผบ.ทบ.

โผทหารไม่พลิก“บิ๊กตู่”ผงาดเก้าอี้ผบ.ทบ.ดึงเพื่อนร่วมรุ่นผงาดเต็มทบ.ล้างบางใหญ่แม่ทัพ 4 ภาค 


วันนี้ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 550 นาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2553 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 ก.ย.2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 
 
สำหรับบัญชีรายชื่อของกระทรวงกลาโหมที่สำคัญคือ
พล.ต.นภนต์ สร้างสมวงษ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม เป็น หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมี พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ตท.8) น้องรักของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมที่ผลักดันจนข้ามห้วยมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมีพล.อ.อ.อภิสิทธิ์ จุลโมกข์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้นอำวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.รพล คำคล้าย เสนาธิการทหารเรือ เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นเจ้ากรมเสมียนตรา พล.ท.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เป็นเจ้ากรมพระธรรมนูญ
 
กองบัญชาการกองทัพไทย มีตำแหน่งสำคัญคือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย (ตท.12) ที่ขยับมาเป็นเสนาธิการทหาร เพื่อรอจ่อคิวเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่เกษียณอายุราชการในปีก 2554 และกองทัพบกได้ส่ง พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก (ตท.10) ออกจากองทัพบกมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และมี พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ มาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด  พล.ท.ดุลกฤต รักษ์เผ่า รอง ผบ.นทพ. (ตท.10)  เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร พล.อ.ท.ไมตรี โอสถหงศ์ ขยับเป็นรองเสนาธิการทหาร พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ขยับเป็นที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ(อัตราพล.อ.) และให้ พล.ท.วิศณุ ศรียะพันธ์ เป็นเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารแทน  พล.ท.เชาวฤทธิ์ ประภาจิตร จเรทหาร  เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล
 
ขณะที่กองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ขยับให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหาร (ตท.12) เป็นผู้บัญชาการทหารบกคนที่ 37

โดยไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใดพร้อมกับส่งให้เพื่อนรักคือ พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.10) เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ตท.11) เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.11)  พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) (ตท.11)  เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และขยับเพื่อนร่วมรุ่นพล.อ.ประยุทธ์ (ตท.12) คือ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก เป็นเสนาธิการทหารบก จากผลงานปราบม๊อบแดง ทำให้พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.13) พลาดหวัง จากตำแหน่ง 5 เสือทบ.ให้ไปนั่งประจำในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษทบ.พร้อมด้วย พล.ท.ทนงค์ศักดิ์  อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.11) แต่ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีสัญญาใจกับ พล.ท.คณิต ว่าจะให้มาดำรงตำแหน่งอยู่ในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.ในปี 2554 นอกจากนี้ยังขยับให้พล.ท.อรุณ สมตน พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต เป็นรองเสธ.ทบ.
 
ในส่วนของตำแหน่งแม่ทัพภาคทั้ง 4  ภาค
ทาง พล.อ.อนุพงษ์ ปรับใหม่ยกแผงโดยขยับให้ พล.ต.อุดมเดช สีตบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.14) เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งถือว่า พล.ต.อุดมเดช เป็นรุ่นน้องสายบูรพาพยัคฆ์อีกคนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้ดำรงตำแหน่งหลักในกองทัพในการโยกย้ายครั้งต่อไป ส่วน พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (ตท.12)  เป็น แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 (ตท.12) เป็นแม่ทัพภาคที่ 3  และ พล.ต.อุดมชัย ธรรมาสาโรรัชต์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.13) เป็น แม่ทัพภาคที่ 4 เบียดแคนดิเดตที่ พล.อ.ประยุทธ์ หวังจะให้เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ หัวหน้าคณะประสานงานความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย (ตท.12) ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 แต่สุดท้ายก็ได้แค่ที่ปรึกษากองทัพบก อย่างไรก็ตามในพื้นที่ทางภาคเหนือและอีสานซึ่งถือเป็นพื้นที่ของเสื้อแดง พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้เพื่อนรักร่วมรุ่นมาช่วยคุมและดูแลให้ และยังให้เพื่อนร่วมรุ่นคือ พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ รอง ผบ.นปอ. (ตท.12) เป็น ผบ.นปอ. และ พล.ต.อำพน ชูประทุม ผู้บัญชาการกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) (ตท.12) เป็น ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายกำลังพล โดยโยก พ.อ.สำเริง สามดาว เป็น ผบ.ปตอ.แทน 


ในส่วนกำลังรบหลักอื่นๆก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นการปูนบำเหน็จให้กับผู้คุมกำลังในเหตุการณ์ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา

คือ พล.ต.อุทิศ สุนทร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9  (พล.ร.9) (ตท.14) ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และให้ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี (ตท.15) ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.พล.ร.9 แทน พร้อมขยับพล.ต.อุกฤษฏ์ ณรงค์วิทย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) (ตท.13) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และขยับ พ.อ.ภาณุวัชร นาควงษม์  (ตท.17) เป็น ผบ.มทบ.11 พล.ต.ประสงค์ ฟักสังข์ (ตท.14) บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 พล.ต.ประสงค์ บุตรขวัญ (ตท.15) ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 13 พล.ต.วีระพงศ์ คงเกษม เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 พล.ต.ณรงค์ดิศ สีทาแก เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 พล.ต.ชานุกร ตัณฑโกศล เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พล.ต.ประตินันท์ สายหัสดี เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 พล.ต.ชาญประดิษฐ์ แสงนิล เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พล.ต.ธนา วิทยวิโรจน์ เป็นผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3  พล.ต.ธฤทธิ์ สุนทร เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ขณะที่ พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขยับจากเสนาธิการกองทัพน้อยที่ 3 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3

นอกจากนี้พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ เด็กของพล.อ.ประวิตร ขยับข้ามห้วยจากหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกลับเข้ากองทัพบกในตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี และยังมีน้องชายของพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คือ พ.อ.พะโจมม์ ตามประทีป ขยับเป็นพล.ต.ในตำแหน่งเสนาธิการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
 
ส่วนกองทัพเรือมีตำแหน่งที่สำคัญประกอบด้วย

พล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก ผบ.กองเรือยุทธการ เป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เป็นเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.อ.ณรงค์ เทศวิศาล เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ท.สุวิทย์ ธาระรูป เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.ท.อภิชาต สุวรรณะชฎ  พล.ร.ท.พลวัฒน์สิโรดม พล.ร.ท.ณรงค์ พิพัฒนาสัย ขยับเป็นรองเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.วิฑูรย์ คัมภีระพันธุ์ เป็นผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พล.ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน 
 
ขณะที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.พิธพร กลิ่นเฟื่อง เป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ

พล.อ.อ.ดิลก ทรงกัลยาณวัตร เป็นรองผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง และ พล.อ.อ.บุญญทธิ์ เกิดสุข ขยับ เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ  พล.อ.ท.วินัย เปล่งวิทยา เป็นผู้บัญชาการควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ พล.อ.ท.วุฒิชัย คชาชีวะ และ พล.อ.ท.ทรงธรรม โชคคณาพิทักษ์ ขยับเป็นรองเสนาธิการทหารอากาศ น.อ.นุวัฒน์ เกียรติพันธ์ เป็นผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง 
 
ผู้สื่อข่าวรายงาน การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีนายพลหญิงใหม่รวม 21 คน ประกอบด้วย สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 5คน
 

คือ พ.อ.หญิง จุฑารัตน์ จิตเมตตา พ.อ.หญิง แก้วปั้น โชติกะพุกกณะ พ.อ.หญิง เพ็ญแข แก้วประเสริฐ พ.อ.หญิง นิ่มนวล ศักดิ์ศิริศิลป์ น.อ.หญิง ภณินท์ทิพย์ สาตราภัย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย 2 คน คือ น.อ.หญิง ดวงฤดี คีรีวัฒน์ เป็นเจ้ากรมการเงินทหาร พ.อ.หญิง กฤตยา ชมไพศาล เป็นผู้ทรวงคุณวุฒิกองบัญชาการกองทัพไทย
 
กองทัพบก มี 9 คน คือ พ.อ.หญิง สมใจ ทรัพย์พ่วง เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก พ.อ.หญิง วีนัส โอประเสริฐสวัสดิ์ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก  พ.อ.หญิง กรรณิกา ตาตะนันทน์ เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบก  พ.อ.หญิง อรภา อินทรสูต เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบกผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิง อนุพร พรหมาศ เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบก พ.อ.หญิง อรุณวรรณ เผ่าจินดา เป็นผู้ชำนาญกองทัพบก ทั้งนี้พ.อ.หญิงอรุณวรรณ เผ่าจินดา น้องสาวของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พ.อ.หญิง สุกัญญา ศุภวัชระ เป็น ผู้ชำนาญกองทัพบก  พ.อ.หญิงนินนา บุญยะประภัศร์ เป็นผู้ชำนาญกองทัพบกพ.อ.หญิง สุพัตรา รัตนสุวรรณ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก โดยพ.อ.หญิงสุพัตรา ภริยาของพล.ท.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ ที่ขึ้นมาในตำแหน่งเสธ.ทบ.เช่นกัน
 
กองทัพเรือ 4 คน คือ น.อ.หญิงวัฒนี ไชยชนะ น.อ.หญิงชุติมา เนียมโภคะ น.อ.หญิงผ่องผิว วิมุกตานนท์ และน.อ.หญิงศรีสุกัญญา ธีรศาสตร์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ ส่วนกองทัพอากาศ 1 คน คือ น.อ.หญิงปิยนาถ กมลโชติ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์