นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบความจริง เพื่อความปรองดองแห่งชาติ(คอป.) กล่าวในงานประชุมวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรมครั้งที่ 8 และการประชุมนิติศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 7 เรื่อง “นิติรัฐและพลเมือง : ทางออกประเทศไทย” ว่า
การพิจารณาซุกหุ้นภาคแรกในศาลรัฐธรรมนูญมีการบิดเบือน หักดิบกฎหมายเกิดขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหานิติรัฐในสังคมไทย หากวันนั้นไม่มีการหักดิบกฎหมายวันนี้บ้านเมืองคงมีความสุข ปัญหาสังคมไทยมาจากกฎหมายและนักกฎหมายค่อนข้างรุนแรง เมื่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาไม่แข็งแรงก็มีปัญหากระทบไปถึงทุกระบบของประเทศ ในประเทศที่ประชาธิปไตยยั่งยืน เศรษฐกิจเข้มแข็งกระบวนการยุติธรรมของเขามีประสิทธิภาพ ดังนั้นกระบวนการนิติธรรมทางอาญาจึงเป็นเครื่องมือป้องกันการยึดอำนาจได้ เพราะการรัฐประหารทุกครั้งมักอ้างถึงการทุจริต คอร์รัปชั่นของฝ่ายบริหาร แม้แต่การรัฐประหารครั้งสุดท้ายก็อ้างถึงการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการตีแผ่ว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่
นายคณิต กล่าวอีกว่า ปี 2540 มีการปฏิรูปประเทศไทยและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นครั้งแรก มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการออกหมายค้นและหมายจับ จากเดิมที่เป็นของตำรวจมาให้ผ่านการตรวจสอบจากศาล แต่ในทางปฏิบัติยังเหมือนไม่เปลี่ยนแปลง หมายจับ หมายค้นออกง่ายเหมือนแค่เพียงการเปลี่ยนตัวผู้ลงนาม มีข้อผิดพลาดให้เห็น
นายคณิต กล่าวต่อว่า การดำเนินคดีต้องผ่านการตรวจสอบชั้นคือชั้นเจ้าพนักงานและชั้นศาล แต่ปัจจุบันเรามีองค์กรตรวจสอบมากมายทั้ง ดีเอสไอ ป.ป.ช. ป.ป.ท. แต่องค์กรตรวจสอบไม่เคยทำงานร่วมกัน
หากเป็นอย่างนี้ยุบทิ้งไปบ้างก็ได้ ให้เหลือแต่พอสมควร ซึ่งในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าตำรวจทำหน้าที่สอบสวนได้ดีที่สุด ขณะที่องค์กรอื่น ๆ เช่น ป.ป.ช. ยังทำได้แค่ฝึกการสอบสวน ดังนั้น จึงตั้งข้อสังเกตให้ทำระบบการตรวจสอบในชั้นการดำเนินคดีให้มีประสิทธิภาพ เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่อัยการยื่นฟ้องคดีแล้วพิพากษายกฟ้องเป็นจำนวนมากเหมือนประเทศของเรา