สุเทพชิ่งเผือกร้อน หลังกฤษฎีกาแนะนายกฯ ให้ถอนคำสั่งจัดการ พล.ต.อ.พัชรวาท โบ้ยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ พลิ้วไม่รู้เรื่อง พล.ต.อ.ปทีปพูดที่หาดใหญ่...
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาถอนคำสั่งของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. เพื่อให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมว่า เรื่องนี้นายกฯ รับทราบผลการประชุมของก.ตร.แล้ว ตนได้แจ้งให้นายกฯ รับทราบ แต่การตัดสินใจของนายกฯ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมาย ซึ่งคนที่จะให้คำปรึกษานายกฯ ได้ดีที่สุดคือ คณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ตนไม่ทราบว่าการสอบถามเรื่องนี้ระหว่างนายกฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกาไปถึงไหนแล้ว
เมื่อถามว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แล้วว่าให้นายกฯ ถอนคำสั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้อย่างนั้น ถามต่อว่า
แล้วใครเป็นคนผิดพลาด นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อนายกฯ ไปปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายต่างๆ นายกฯ คงต้องใช้ดุลยพินิจ
ประธาน ก.ตร. กล่าวถึงกระแสข่าว พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาในทำนองว่า มีคนฝากฝังบุคคลจนทำให้ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจเสียหายว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าจะสกัดกั้นปัญหาการวิ่งเต้นฝากเด็กในการแต่งตั้งรอบใหม่ได้หรือไม่ อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ปีนี้ได้กำหนดกฎเกณฑ์ กติกา ค่อนข้างจะแข็งแรง เบื้องต้นนายกฯ ได้สั่งการให้ตนดูการโยกย้ายแต่งตั้งครั้งนี้ต้องให้ถูกต้องตามกติกาอย่างเคร่งครัดที่สุด
ขณะเดียวกันนายกฯ รับข้อเสนอของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจที่เสนอให้การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในปีนี้ต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของผู้อาวุโสจากเดิม 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 33 เปอร์เซ็นต์
และการทำบัญชีผู้อาวุโสจะต้องดำเนินการอย่างเปิดเผย รวมทั้งต้องมีคณะกรรมการพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย โดยจะต้องเปิดโอกาสให้คัดค้านได้ ซึ่งตนได้นำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมก.ตร.แล้วมีมติตามที่นายกฯบัญชา และตนจะกำกับดูแลให้เป็นไปในแนวทางนี้