เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. 11) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์กรณีที่โฆษกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าพร้อมช่วยเจรจาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาตามข้อเรียกร้องของกัมพูชา ว่ายูเอ็นสนับสนุนให้ไทยและกัมพูชาพูดคุยกันเอง เพียงแต่แสดงเจตนาพร้อมช่วยเหลือ หลักคือยูเอ็นจะเข้ามาก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยินยอมพร้อมใจกัน
ตนเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะคุยกันเองได้ ตนและนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา คงจะพูดคุยในระหว่างการประชุมเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่ประเทศเบลเยี่ยม ในเดือน ต.ค. คงไม่ต้องไปดึงเอาองค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศที่ 3 เข้ามา
เมื่อถามว่า ประเมินท่าทีของนายฮุนเซนล่าสุดอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ยังเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลของฝ่ายไหนต้องการให้เกิดปัญหาการปะทะกัน
นี่เป็นจุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายตระหนักว่าอย่างไรก็เป็นเพื่อนบ้านกันต่อไป และอยู่ในอาเซียนด้วยกัน ก็ต้องหาทางออกด้วยกัน ส่วนแรงกดดันของการเมืองภายในประเทศก็จะมีเป็นธรรมดา ส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวคนไทย 3 คนที่ถูกตำรวจตระเวนชายแดนกัมพูชาจับกุมและควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ผลการพูดคุยระดับพื้นที่ยังเป็นไปด้วยดี
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงที่พรรคเพื่อไทยว่าพรรคส่งทีมงานลงพื้นที่พบว่าขณะนี้ข้าราชการท้องถิ่น
ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ ที่รับผิดชอบเจรจาช่วยเหลือ 3 คนไทยกำลังหนักใจเพราะปัญหาความสัมพันธ์ของผู้นำระดับสูงระหว่างไทยและกัมพูชาส่งผลถึงข้าราชการระดับล่าง ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นภาระของกระทรวงการต่างประเทศให้ความช่วยเหลือ 3 คนไทยด้วยวิธีทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศช่วยเหลือ 3 คนไทยเต็มที่ หากทำไม่ได้ก็ควรลาออกจากตำแหน่งเสีย สำหรับพรรคเพื่อไทย หากทางญาติผู้ถูกจับกุมร้องขอความช่วยเหลือมา พรรคก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเหมือนกรณีนายศิวรักษ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการช่วยเหลือรัฐบาลอีกทางหนึ่ง