มาร์คบ่นเงินเดือนนายกฯไม่พอใช้ต้องเจียดให้ปชป.เดือนละ2หมื่นมีหนี้ผ่อนรถ แย้มอภิปรายงบได้ถึง 25ส.ค.

มาร์ค"บ่นเงินเดือนนายกฯไม่พอใช้ต้องเจียดให้ปชป.เดือนละ2หมื่นมีหนี้ผ่อนรถ แย้มอภิปรายงบได้ถึง 25ส.ค.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. 11) ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรได้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ในวาระที่ 2 โดยใช้เวลาไป 3 วัน ปรากฏว่ายังไม่สามารถพิจารณาได้ครบทุกมาตรการ ตรงนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะตามกฎหมายสภามีเวลาในการพิจารณาถึงวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้นัดให้มีการประชุมสภาต่อในวันที่ 24 สิงหาคม และถ้ามีความจำเป็นก็จะประชุมวันที่ 25 สิงหาคมต่ออีกวัน 


ประเด็นต่างๆ ที่ส.ส. ได้หยิบยกขึ้นมาอภิปราย  โดยเฉพาะกรณีที่มีความห่วงใยว่ามีโครงการใด หรือการใช้งบประมาณในส่วนไหนขาดความโปร่งใส ก็จะการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งข้อคิดและข้อเสนอแนะหลายอย่างเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงเรื่องการจัดสรรงบประมาณในปีต่อๆ ไปได้ ก็ขอความร่วมมือจากเพื่อนส.ส. ว่าคงจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนวันพุธนี้ (วันที่ 25 สิงหาคม) รัฐบาลจะได้นำร่างพ.ร.บ. งบประมาณเสนอต่อวุฒิสภาต่อไป”

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการตั้งงบประมาณในปี 2554 เพื่อใช้คืนเงินกู้รวมดอกเบี้ย 1.83 แสนล้านบาท ว่า  ดอกเบี้ยของเงินกู้ก้อนใหญ่ตรงนี้มาจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ ทำให้มีภาระดอกเบี้ยเยอะ ทั้งนี้กระทรวงการคลังมีหน้าที่ติดตามว่าสามารถปรับโครงสร้างส่วนไหน เพื่อนำไปสู่การบริหารหนี้ไม่ให้เป็นภาระจนเกินไป ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการบริหารงบประมาณ ไม่มีประเทศไหนในโลกไม่มีหนี้สาธารณะ แต่ถ้าหนี้สาธารณะนี้เพิ่มมากขึ้นเร็วกว่ารายได้ของรัฐ ในที่สุดก็จะล้มละลาย และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ ส่วนที่หลายคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามากู้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะในช่วงเผชิญวิกฤตรัฐบาลประกาศว่าพร้อมจะกู้ 8 แสนล้านบาท ซึ่งอาจทำให้หนี้สาธารณะขึ้นไปแตะเกือบร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติภายในประเทศ (จีดีพี) แต่พอเศรษฐกิจฟื้นเร็วกว่าที่คิดก็กู้แค่ 4 แสนล้านบาท แถมที่บอกว่าต้องกู้มาชดเชยงบประมาณขาดดุล พอผ่านมาจะครบ 12 เดือนปรากฏว่าจัดเก็บรายได้เกินเป้า อาจจะขาดดุลไม่กี่หมื่นล้านบาท หรือถ้าโชคดีจริง ๆ อาจจะกลายเป็นงบประมาณสมดุลก็ได้
 

"สิ่งที่ผมอยากจะย้ำคือว่ารัฐบาลได้ดูอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเลยว่าหนี้ตรงนี้กำลังจะทำให้ประเทศล้มละลาย หรือลูกหลานเราเกิดขึ้นมาแล้วต้องมาปวดหัว ไม่มีปัญหาในการมาใช้หนี้ ไม่มีกรณีอย่างนั้น มันเป็นเรื่องการบริหารปกติของรัฐบาล"นายกรัฐมนตรีกล่าว
 

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่พูดกันว่าเงินที่จะเอามาใช้หนี้คือภาษีนั้น ขอยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เพราะรัฐบาลไม่มีความคิดว่าต้องเพิ่มภาษีเนื่องจากปัญหาการขาดดุล แต่การขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น ให้ครอบคลุมคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้เสียภาษี เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำ แม้แต่การโครงสร้างภาษีที่ดินและทรัพย์สิน เป้าหมายก็ไม่ได้อยู่ที่การหาเงินเข้ามาเพิ่ม แต่อยู่ที่การลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้ท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น


ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมแถลงจีดีพีไตรมาสที่ 2 ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มั่นใจว่าในปี 2553 จีดีพีจะอยู่ในแดนบวก หากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาจมีประเทศสิงคโปร์และไต้หวันที่จีดีพีสูงกว่าไทย แต่นอกนั้นถือว่าไทยอยู่ในเกณฑ์ดี หากเทียบกับปี 2552 ซึ่งติดลบหนักหนาสาหัส และมาตีตื้นเอาช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวที่เร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์ แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับปี 2540 ต้องถือว่าครั้งนี้ฟื้นตัวได้เร็วกว่า ทั้งที่เจอวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง


ผู้ดำเนินรายการถามว่า นายกฯ มีหนี้สินบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์อมยิ้มก่อนกล่าวว่า ตนเป็นมนุษย์เงินเดือน ครอบครัวตนก็มนุษย์เงินเดือน มันมีความแน่นอนว่ารายได้มีเท่าไร ก็อย่าใช้จ่ายเกินตัว หนี้ที่มีก็มีเฉพาะเรื่องผ่อนรถ

เมื่อถามว่า เงินเดือนนายกฯ พอใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าจะบอกว่าพอ ไม่พอ ก็คงไม่ใช่ ถ้าพูดตรงๆ มาทำงานการเมืองถ้าหวังว่าจะรวยขึ้น อย่าหวังเลย เงินเดือนนายกฯ แสนกว่า ๆ พอหักภาษีไป และพรรคยังหักอีกเดือนละ 2 หมื่นบาท ถ้าพูดตรงๆ ก็ไม่น่าพอใช้ ถามว่าคุ้มกับการทำงาน มันไม่น่าจะคุ้ม แต่ว่าเราไม่ได้มาทำเพื่อตรงนี้


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์