คุก3ปีหนุ่มพธม. ขับรถไล่ชน5ตร.

คดีสะเทือนขวัญผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ พันธมิตรขับรถไล่ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วถอยมาทับซ้ำกลางถนนเมื่อ 7 ตุลา 51 ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ข้ออ้างกระทำไปโดยบันดาลโทสะฟังขึ้น ส่วนข้อหามั่วสุมยกประโยชน์ให้จำเลย

ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.1338/ 2552

ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายปรีชา ตรีจรูญ อายุ 53 ปี ผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย   ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ จากกรณีที่จำเลยขับรถกระบะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่สลายการชุมนุมกลุ่ม พธม.

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกเป็นกลุ่ม พธม. ไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลซึ่งมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ปิดล้อมถนนและทางเข้าออกรัฐสภาเพื่อไม่ให้ ส.ส.และ ส.ว. ออกจากรัฐสภา  โดยมีเจตนาฆ่า ร.ต.ต.เกียงไกร  กิ่งสามี ส.ต.ท.พงษ์ไท เชื้อชุมสุข ส.ต.ต.พีรเชษฐ์ ธราปัญจทรัพย์ ส.ต.ท.เศรษฐวุฒิ บัวทุม และ ส.ต.ท.วุฒิชัย คำปงศักดิ์ ผู้เสียหายที่ 1-5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของกลุ่ม พธม. โดยวางแผนล่วงหน้า เตรียมรถกระบะโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียน วพ 1968 กรุงเทพมหานคร ขับไล่ชนผู้เสียหายทั้ง 5 อย่างแรง จนผู้เสียหายล้มลง จากนั้นจำเลยยังขับรถถอยหลังทับผู้เสียหายที่นอนบาดเจ็บอยู่บนถนน จำเลยกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เมื่อผู้เสียหายไม่เสียชีวิต จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 288, 289 และ 297

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติกรรมจำเลยขับรถไปแล้วย้อนกลับมาทับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง

แม้จะอ้างว่าไม่ต้องการให้ตำรวจเสียชีวิตแต่จำเลยย่อมรู้ว่าการขับรถมานั้นย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตได้ เป็นการกระทำผิดโดยตลอดแล้ว ฐานพยายามฆ่า การที่จำเลยนำสืบว่ามีการยิงแก๊สน้ำตาและได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา มีเลือดออกที่ตา ศาลเห็นว่าการสลายการชุมนุมไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ  ไม่ใช่เบาไปหาหนัก  แทนที่จะยิงเป็นวิถีโค้งกลับยิงวิถีตรง ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน การที่จำเลยเข้าใจว่าถูกยิงด้วยอาวุธและอ้างว่ากระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงฟังขึ้น ส่วนข้อหามั่วสุมนั้น โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยัน จึงมีเหตุอันควรสงสัยยกประโยชน์ให้แก่จำเลย พิพากษาว่า จำเลยพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยบันดาลโทสะ ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยไม่เคยต้องโทษมา

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์