น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม โดยมองว่าสถานการณ์หลังวันแม่ 12 สิงหาคมไปแล้ว รัฐบาลจะนิ่งนอนใจถึงเหตุการณ์ความมั่นคงที่จะตามมาอีกจากการก่อกวน การสร้างความเสียหายโดยรูปแบบต่างๆ ทั้งการยิง การขว้าง การเผา และการลอบสังหารบุคคลสำคัญ ซึ่งจะเกิดขึ้นนับจากนี้ เนื่องจากนักโทษหนีคดี ได้รับผลกระทบจากการถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความโกรธแค้น อีกทั้งบริวารสาวกยังมี
น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ดังนั้น รูปแบบการเคลื่อนไหวจากพวกเหล่านี้ จะมี 2 รูปแบบนับจากนี้เป็นต้นไป
คือ 1.รูปแบบเปิดด้วยใช้รูปแบบบนดินก่อกวนทางรัฐสภาในสภาผู้แทนราษฎร ก่อกวนด้วยการให้สัมภาษณ์จัดตั้งเวทีปราศรัยชุมนุมแล้วเดินสายเพื่อปลุกระดมมวลชน หาสมาชิกเพิ่มรอวันรวมกำลัง และ 2.รูปแบบปิด คือทางใต้ดิน เพราะว่าประสิทธิภาพในการทำลายล้างของคนกลุ่มนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ทำงานทางรูปแบบเปิด เพราะคนทำงานทางเปิดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนทำงานทางปิดเป็นคนอยู่ที่ไหน เพราะแบ่งการปฏิบัติงานไม่ให้รู้กัน โดยมีอยู่กลุ่มหนึ่งภายใต้การหนุนช่วยของคนวางแผนอย่างดี
"คนวางแผนการเหล่านี้นั่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร รับคำสั่งตรงมาจากนักโทษหนีคุกที่อยู่เมืองนอก เพื่อดำเนินกระบวนการใต้ดินนับจากนี้ และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะวางระเบิดสถานที่ชุมชน ย่านชุมชน หรือสาธารณูปโภคที่กระทบความเป็นอยู่ประชาชน ด้วยการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดที่เคยใช้กันมา รวมไปถึงการใช้อาวุธปืนลอบสังหารบุคคลฝ่ายตรงข้าม นับแต่บัดนี้ไปจะเกิดอันตรายที่สุด ดังนั้น รัฐบาลประมาทไม่ได้ต้องบอกอย่างนี้เลย" น.ต.ประสงค์กล่าวและว่าส่วนการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินในขณะนี้ มีหลายจังหวัดอาจผ่อนปรนหรือยกเลิกได้ หากจำเป็นจะคงถึงสิ้น ปี 2553 ก็ต้องทำ แต่สำหรับพื้นที่ใน กทม.ยังจำเป็นต้องคงเอาไว้ ต้องเป็นพื้นที่สุดท้ายในการยกเลิก
เมื่อถามว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงจะระอุอีกครั้งหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า "ใช่ครับ จากนี้จะมีทั้งบนดินและใต้ดิน โดยบนดินจะมาจากการชุมนุมการก่อกวนต่างๆ หรือปล่อยข่าวลือสร้างข่าวลือให้ข้อเท็จผ่านสื่อผ่านชาวบ้านที่สามารถชี้นำได้"
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
