มาร์คเปิดทางตปท.ถกปัญหาไทย

วันที่ 15 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เปิดโอกาสให้นายอดัม คาเฮน จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ผู้มีประสบการณ์ในการช่วยหาทางออกแบบสันติวิธีให้ปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงซับซ้อนและชะงักงันที่สุดในหลายเหตุการณ์หลายประเทศทั่วโลก และตัวแทนกลุ่มผู้จัดสัมมนา เรื่อง "เราจะมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน" ในวันที่ 17 ส.ค. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นภาคเอกชนของไทย 7 คน เข้าพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นานประมาณ 30 นาที

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เปิดเผยผลการหารือว่า กลุ่มผู้จัดสัมมนาต้องการเปิดพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นว่าอนาคตประเทศไทยจะก้าวไปอย่างไรในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยรัฐบาลส่งตนเป็นตัวแทนเข้าร่วมการสัมมนา นอกจากนี้ยังเชิญตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ไปด้วย แนวคิดของนายอดัมนั้นมีแนวคิดมาจากหลายประเทศ อาทิ ยุโรป ละตินอเมริกา เป็นการทำงานกระตุ้นให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งซึ่งมีจำนวนมากเข้ามาให้ความเห็นว่าถ้าประเทศไทยจะเดินต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้าต้องทำอะไรบ้าง

นายปณิธาน กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นการเสนอเค้าโครงว่าควรมีใครบ้าง คุยกันเรื่องใด

ส่วนตัวบุคคลต้องแล้วแต่ จะพูดคุยกับหลายด้าน เช่น ฝ่ายความมั่นคง สมาคมต่างๆ รัฐบาล ภาคเอกชน นักวิชาการ เป็นการขับเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนเกิดพลังเหมือนกับ "สโนว์บอล" คือลูกหิมะที่กลิ้งมาจากยอดภูเขาจะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น และเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่มีข้อตกลงผูกมัด

นายปณิธาน กล่าวต่อว่า นายกฯเห็นด้วยกับการเปิดพื้นที่อย่างนี้ แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมของรัฐบาลนั้นต้องดูความเป็นไปได้ก่อน

ตอนนี้ฟังความเห็นเท่านั้น และความจริงเป็นเหมือนกับที่รัฐบาลทำอยู่ในการเปิดพื้นที่แสดงความเห็นของประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ ต่อการปฏิรูปประเทศไทย เพียงแต่เขาเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศที่เราอาจนำมาปรับปรุงใช้ได้เท่านั้น เป็นการเน้นเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งไปในอนาคต นายอดัมกังวลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นเป็นปัญหาที่มีผลกระทบในเชิงกว้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการนำองค์กรต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในประเทศหรือไม่

นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นเรื่องของภาคเอกชน รัฐบาลไม่มีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ส่งตัวแทนไปรับฟังและร่วมแสดงความคิดเห็น โดยตนได้รับมอบหมายให้ไปร่วมการสัมมนาดังกล่าว และผลสรุปที่ได้จากการสัมมนานั้นไม่มีผลผูกมัด หรือข้อตกลงต่อรัฐบาลให้ต้องปฏิบัติตาม