สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย
เผยแพร่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ราชอาณาจักรกัมพูชา ลงวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งระบุว่าเป็นแถลงการณ์ที่ถูกส่งให้กับสถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ที่มีเขตอาณาครอบคลุมถึงกัมพูชาแต่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยอ้างถึงเนื้อข่าวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ฉบับวันที่ 7 สิงหาคม ในการพบกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยกับผู้แทนของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งระบุว่า ในเรื่องการรุกล้ำดินแดนนั้น เราจะยกเลิกเอ็มโอยูหากไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้ และเราจะใช้ทั้งมาตรการประชาธิปไตยและมาตรการทางทหาร
หนังสือดังกล่าวชี้ว่า หากนายกรัฐมนตรีไทยประกาศถ้อยคำดังกล่าวจริง กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาก็ใคร่จะเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติในประเด็นดังต่อไปนี้
ประการแรก ข้อที่ 8 ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (เอ็มโอยูปี 2543) ระบุว่าให้ระงับข้อพิพาทใดๆ ที่เกิดจากการตีความหรือการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้โดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและการเจรจา ดังนั้น หากประเทศไทยยกเลิกเอ็มโอยูฝ่ายเดียว เท่ากับไทยมีพฤติกรรมอันโจ่งแจ้งที่จะละเมิดเอกสารความตกลงสองฝ่ายฉบับนี้ ถ้อยคำดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประเทศไทยได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ประการที่สอง เมื่อพิจารณาถึงถ้อยคำที่ว่า เราจะใช้ทั้งมาตรการประชาธิปไตยและมาตรการทางทหาร เท่ากับการประกาศอย่างชัดเจนถึงการข่มขู่ว่าจะมีการใช้กองกำลังทหารปฏิบัติการต่อกัมพูชาเพื่อหาทางยุติ ปัญหาเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งกัมพูชาและไทยต่างมีข้อผูกพันกันตามเอกสารที่ทำขึ้นตามกฎหมายระหว่างประเทศ นี่คือการแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของรัฐบาลไทยภายใต้พรรคที่เรียกกันว่าพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ กัมพูชาขอสงวนสิทธิตามกฎหมายที่จะปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนต่อการดำเนินการใดๆ ที่เป็นการรุกรานโดยเจตนา