“องอาจ”อุ้มเอเอสทีวีชี้ไม่ได้ปลุกระดม

ยังไม่เชื่อ “มหาจำลอง” คิดบุกทำเนียบค้านเขาวิหารแบบยืดเยื้อ ชี้ต้องรอดูก่อนว่าทำจริงหรือไม่

วันนี้ ( 6 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศบุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 7 ส.ค. เพื่อคัดค้านกรณีประสาทเขาพระวิหาร ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นที่ชัดเจนไปแล้วว่าขอให้ระมัดระวัง เพราะขณะนี้ยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่  ไม่อยากให้ทำอะไรที่ขัดกฎหมาย แม้การเคลื่อนไหวจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย แต่การกระทำใด ๆ ก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายด้วย เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมรับมืออย่างไร เพราะพล.ต.จำลอง ประกาศจะชุมนุมแบบยืดเยื้อ โดยให้ผู้ชุมนุมเตรียมข้าวปลาอาหารมาด้วย นายองอาจ กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิที่จะบอกอย่างนั้นได้ แต่ในข้อเท็จจริงต้องดูว่ามันจะเป็นไปอย่างนั้นจริงหรือไม่

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะถูกมองว่า 2 มาตรฐานหรือไม่หากให้กลุ่ม พธม.ชุมนุมได้

ในขณะนี้กลุ่ม นปช.แค่ไปผูกป้ายผ้าที่แยกราชประสงค์ หรือที่ จ.เชียงราย ก็ถูกจับแล้ว นายองอาจ กล่าวว่า เราต้องรอดูว่ากลุ่ม พธม.มาจริงหรือไม่ และเมื่อมาแล้วได้มาแสดงออกหรือเคลื่อนไหวอะไรที่เกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ยังไม่อยากให้มองอะไรที่เกินเลยไป ตนยังเชื่อในความบริสุทธิ์ใจและความตั้งใจของคนไทยทุกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มไหนก็ตามว่าอยากมีส่วนช่วยกันที่จะทำให้เรื่องของปราสาทพระวิหารเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุด มากกว่าเพื่อประโยชน์ของใครคนใด คนหนึ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง

ส่วนกรณีที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีออกข่าวในลักษณะการปลุกระดมให้คนออกมาเคลื่อนไหวกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น

นายองอาจ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ในการนำเสนอความคิดเห็นของเขาว่าอยากให้รัฐบาลทำอย่างไร ซึ่งก็เป็นปกติของสื่อโดยทั่วไป ขณะนี้หลายช่องก็มีการนำข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น และความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ออกมากันพอสมควรเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาดู เมื่อถามว่ารัฐบาลได้มอนิเตอร์การเสนอข่าวของเอเอสทีวีหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า เราก็ติดตามดูอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นเชิงให้ข้อมูลข่าวสาร และอยู่ในกรอบที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้  ยังไม่มีอะไรที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย.