´ทักษิณ´ กลับ หลังเลือกตั้งแล้ว ´สุรยุทธ์´ ยัน

"แปลกใจจิ๋ว"


จากการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาติติงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และเห็นด้วยที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยนั้น นักการเมืองหลายฝ่ายรวมทั้งรัฐมนตรีกลับแสดงท่าทีแปลกใจว่า พล.อ.ชวลิตต้องการอะไรถึงออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้

สุรยุทธ์ ปัดไม่รู้เรื่อง จิ๋ว

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง ว่า พล.อ.ชวลิตมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารก็รับฟังและจะได้นำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.อ.ชวลิตออกมาเคลื่อนไหวมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ผมไม่ทราบ เพราะว่าท่านไม่ได้พูดกับผม คงตอบได้แค่นั้น เพราะว่าท่านไม่ได้พูดกับผมเอง

ย้ำ ทักษิณ กลับไทยต้องใช้เวลา

เมื่อถามต่อว่า การที่ พล.อ.ชวลิตอยากจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับเข้าประเทศไทย พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เป็นสิ่งที่ได้พูดตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณด้วยที่จะกลับเข้ามา ส่วนห้วงเวลาในการกลับก็ขอให้ได้มีการพูดคุยกันก่อนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใดนั่นคงจะเป็นเรื่องที่หาทางที่จะแก้ไข เพราะกลับมาแล้วมันมีปัญหาที่จะทำให้หลักคือความปรองดองของคนในชาติจะเป็นไปได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญคือความต้องการความปรองดองของคนในชาติ ถ้าเข้ามาแล้วเกิดมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่าน่าจะได้ให้การสนับสนุนใดๆ ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติขึ้นอีกมันจะเหมาะหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องพูดจาทำความเข้าใจกันก่อนระหว่างตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ

ชี้เหมาะสมที่สุดคือหลังเลือกตั้ง

ต่อข้อถามว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วจะให้อยู่เฉพาะภายในบ้านใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นการจำกัดสิทธิท่านอีก เป็นการควบคุมท่านอยู่ในบ้าน ผมคิดว่ามันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น พูดกันตรงๆ ก็คือว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นเหมือนประเทศเพื่อนบ้านของเรา ผมคิดว่าไม่ดี แต่ทางที่ดีคือว่ารอให้การแก้ปัญหามันผ่านไปช่วงระยะเวลา 1 ปี ผมคิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่แล้ว ช่วงนั้นจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะกลับมา ในช่วงนี้น่าจะดูก่อนว่าเราจะแก้ไขกันอย่างไร ในช่วงปลายๆ ที่มีรัฐธรรมนูญ มีประชามติแล้ว มีการจัดการเลือกตั้งแล้ว ช่วงเหล่านี้ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะพูดคุยกันได้ นายกฯ กล่าว

กลับไทยแล้วยุ่งการเมืองหรือไม่


เมื่อถามว่าแสดงว่าเป็นปลายปีหน้าที่ พ.ต.ท. ทักษิณจะกลับเข้ามาได้ใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่าไม่ทราบว่าการร่างรัฐธรรมนูญหรือว่าการเตรียมการเลือกตั้งจะเสร็จเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่ให้ได้ในหลักการว่าถ้า พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ว่าจะเล่นการเมืองต่อไปหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ก็น่าจะได้คุยกันก่อน เมื่อถามว่าแสดงว่าโอกาสการกลับเข้ามาเล่นการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีโอกาสใช่หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ ตอบว่า ไม่ทราบต้องอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจ ตนไม่ทราบจริง ๆ เพราะว่าไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องเหล่านี้ ต่อข้อถามว่าเดิมรัฐบาลระบุว่าหลังยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วจะอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าระยะเวลาจะทอดยาวออกไป มีเงื่อนไขเกี่ยวกับอะไร พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่า เรื่องการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวกับกฎอัยการศึก แต่เป็นเรื่องที่ต้องดูความเหมาะสมในสถานการณ์ เรื่องกฎอัยการศึกนั้นก็ขึ้นอยู่กับทาง คมช.จะพิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตนก็รอผลการหารือของ คมช.อยู่

พูดชัด ทักษิณ จะต้องเสียสละ

เมื่อถามอีกว่าเป็นได้หรือไม่ว่าแม้ว่ายกเลิกกฎ อัยการศึกแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ควรจะกลับมา นายก รัฐมนตรีตอบว่า อย่างที่ได้เรียนแล้วว่า น่าจะคุยกันก่อน ตนคงตอบไม่ได้ เพราะว่าอยู่ที่ความเห็นชอบร่วมกัน จะไปสั่งท่านนายกฯ ทักษิณคงเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่ความเห็นชอบร่วมกันว่า เราจะทำอะไรให้แก่ชาติบ้านเมืองได้บ้าง คือการเสียสละก็ต้องพูดกันว่าท่านจะเสียสละอะไรให้แก่ชาติบ้านเมืองได้บ้างต่อไปในอนาคตที่จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี

โบ้ย คมช.ตัดสินใจเลิกประกาศ คปค.

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามการเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของ คมช.จะพิจารณาริเริ่ม เพราะ คมช.ออกประกาศไว้ตั้งแต่เป็น คปค. ส่วนตนได้เสนอแนะเรื่องการยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 7 ไปแล้ว คิดว่าเรื่องนี้ก็ต้องค่อยๆดูและปรับไปตามสถานการณ์ เพื่อสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น ถ้าเราจะปรับในส่วนที่ให้เกิดความสมดุลให้ได้ในสถานการณ์แต่ละช่วง แต่ละจังหวะก็จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติของชาติบ้านเมืองไปได้ ตนไม่ได้บริหารงานในยามปกติ แต่บริหารงานในยามวิกฤติ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็จำเป็นต้องมาพิจารณาทั้งในส่วนดีและส่วนเสีย แล้วชั่งน้ำหนักกันว่าจะตัดสินใจอย่างไร

13 พ.ย. สนธิ ให้คำตอบเลิกอัยการศึก

ทางด้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการยกเลิกกฎอัยการศึก ว่าในวันที่ 13 พ.ย. ทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะให้คำตอบนายกรัฐมนตรีตามกำหนดที่ได้ขอเวลาไว้ 3-4 วัน เพื่อตรวจดูความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จุดใดบ้างที่สามารถยกเลิกได้หรือไม่ การประชุม ครม. วันที่ 14 พ.ย. นายกรัฐมนตรีจะให้คำตอบว่า จะยกเลิกหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีได้ขอคำตอบจาก คมช.ไว้ ซึ่งประธาน คมช. จะเป็นผู้ให้คำตอบสุดท้าย จากนั้นนายกฯ จะนำเรื่องเข้าชี้แจงต่อ ครม.ด้วย ซึ่งทาง คมช.จะยกเลิกหรือไม่ก็จะออกมาชัดเจน ตอนนี้มีเหตุการณ์อะไรต่างๆขึ้นมามากมาย ดังนั้น ต้องถามใจ พล.อ.สนธิ เพราะการยกเลิกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่ก็ต้องถามทาง คมช.ก่อนในเรื่องความมั่นคง เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่จะยกเว้นบางพื้นที่ พล.อ.บุญรอดตอบว่า บริเวณพื้นที่ใดที่ไม่มั่นใจก็ต้องคงไว้ก่อนเช่นบริเวณชายแดน และใน กทม.พื้นที่ไหนที่น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะสถานที่ราชการ สนามหลวง ลานพระบรมรูป ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คิดกันไว้แต่ยังไม่ได้หารือในรายละเอียดโดยให้ทาง คมช.เป็นผู้พิจารณา

ข้องใจเรื่องข่าวปฏิวัติซ้อน


เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและ คมช. พล.อ.บุญรอดตอบว่า เป็นการพูดที่ให้ข้อคิดเห็นถึงการทำงานของ คมช.ในฐานะผู้ใหญ่ แต่เรื่องที่ พล.อ.ชวลิต มองว่าจะมีการปฏิวัติซ้อนนั้นก็ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือไม่ ต้องฟังหูไว้หู แต่หากถามว่าโอกาสที่จะเป็นจริงหรือไม่ ขอบอกได้เลยว่าเป็นเรื่องยาก และยิ่งปล่อยข่าวว่าเตรียม ทหารรุ่น 9 จะทำปฏิวัติซ้อน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยเพราะไม่รู้ว่าจะเอากำลังจากที่ไหน เราก็สงสัยว่าทำไมถึงมีข่าวออกมาเป็นตุเป็นตะ ทั้งนี้ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป ผมขอฟันธงเลยว่า การปฏิวัติซ้อนไม่ได้จะเกิดขึ้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งทาง คมช.ก็ออกมาบอกว่า จะปฏิวัติใคร ปฏิวัติ คมช. มั้ง ซึ่งก็เป็นการหยิกเล็บเจ็บเนื้อ ทุกอย่างก็ไปด้วยกันซึ่งทางเราก็มองว่าไม่น่าจะมีอะไร

ย้อนถาม จิ๋ว มีอะไรแอบแฝง

เมื่อถามว่า ท่าทีของ พล.อ.ชวลิตที่ออกมา วิจารณ์การเมืองขณะนี้เพื่ออะไร พล.อ.บุญรอดตอบว่า อาจจะเป็นการเตือนน้องๆใน คมช.ด้วยความหวังดี เพราะเห็นอะไรที่อาจเป็นเงื่อนไขก็ตักเตือนกัน แต่พอมาถึงเรื่องปฏิวัติซ้อน และการเปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าประเทศไทย ทำให้มองว่า พล.อ.ชวลิต ท่านมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า แต่ก็อย่างว่าเวลาท่านพูดก็จะพูดติดพันไปเรื่อยๆมีทั้งพูดจริงพูดเล่น เราก็ต้องมาดูกันว่าที่พูดไปนั้นเป็นไปได้หรือไม่ พูดจริงหรือไม่ เราต้องมาวิเคราะห์กันอีกที

หวั่นคลื่นใต้น้ำรวมตัวพันธมิตร

เมื่อถามถึงปัญหาคลื่นใต้น้ำขณะนี้ รมว.กลาโหมตอบว่า กลุ่มต่างๆที่สนามหลวงที่ต่อต้าน คมช.ถือว่าเป็นการแสดงข้อคิดเห็น ทางรัฐบาลก็ประกาศอยู่แล้วว่าจะไม่นั่งอยู่นาน ซึ่งเป็นธรรมชาติของกลุ่มคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นที่ต้องผ่าทางตันและมีกติกาว่า หนึ่งปีหลังเลือกตั้งก็ต้องถอนตัวออก แต่เรื่องที่เราเป็นห่วงคือ กลุ่มอำนาจเก่าที่เคลื่อนไหวยังมีพลัง โดยเฉพาะพลังอำนาจเงินรวมถึงกลุ่มที่เคยเป็นมิตรขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะกลายมาเป็นศัตรูกันเป็นเรื่องที่อันตราย โดยเฉพาะพวกที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ก็จะมาทวงผลประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันทางคมช.ก็ไม่ได้หนักใจถึงขนาดคุมไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้านานไปอาจมีจำนวนมากขึ้นกว่าที่เราเคยคิดไว้ว่าจะราบรื่น

ปัญหาต่างๆก็อาจจะประดังขึ้นมา เพราะการทำงานของรัฐบาลไม่ได้เร็วเท่าที่ควร โดยเฉพาะการนำคนผิดคนที่ทุจริตมาลงโทษ เราไม่ได้ปล่อยให้ลอยนวลซึ่งตอนนี้ก็คืบหน้าบ้างแล้ว แต่ยังไม่ทันใจประชาชน

เบรก ทักษิณ อย่าเร่งกลับไทย

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทางรัฐบาลเฝ้าติดตามอย่างไร พล.อ.บุญรอด ตอบว่า ก็เห็นเคลื่อนไหวไปมาใกล้เข้าประเทศไทยทุกที ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆนี้ คิดว่าเขาคงอยากเข้าประเทศ เพราะครอบครัวและทรัพย์สินที่ยังเป็นห่วง แต่เขาก็น่าจะรู้ว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาเดือดร้อนกันขึ้นมาอีก เรื่องนี้ทางรัฐบาลและคมช.ก็ยังยืนยันอยู่ว่ายังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลานั้นทางรัฐบาลและ คมช.จะบอกเองว่าเข้ามาได้หรือไม่

อภิสิทธิ์ แนะทหารคุมรัฐวิสาหกิจ


ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์นั้น วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่งตั้งนายทหารระดับสูงเข้าไปเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆว่า นายทหารที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆต้องเร่งแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ และไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ รวมทั้งรัฐบาลและ คมช.ต้องแสดงเหตุผลการแต่งตั้งให้ชัดเจน เชื่อว่าจะสามารถคลายความสงสัยของประชาชนได้

แคลงใจบทบาทท่าที บิ๊กจิ๋ว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อการเดินทางกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า รู้สึกแปลกใจต่อท่าทีดังกล่าวของ พล.อ.ชวลิต และ พล.อ.ชวลิตควรชี้แจงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนต่อท่าทีดังกล่าว

ตั้ง ชวน นำทีมสู้คดียุบพรรค

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคการเมืองของตุลาการรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคเตรียมพยานหลักฐานหมดแล้ว โดยจะมีนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมผู้ว่าคดี อย่างไรก็ดี เชื่อว่าพรรคจะได้รับความยุติธรรม เพราะไม่ได้มีความผิดตามมูลฟ้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุไว้ พรรคจึงมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงให้เกิดความชัดเจนได้

ปชป.ชี้ 3 กลุ่มต้นตอคลื่นใต้น้ำ


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวเรื่องการปฏิวัติ รวมทั้งกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องแยกแยะบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามให้ชัดเจน เพื่อจะได้สามารถวางแผนในการแก้ไขปัญหาได้รอบคอบ และถูกต้องเหมาะสมต่อไป ขณะนี้น่าจะมีจำนวน 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอำนาจเก่าที่สูญเสียอำนาจ ได้แก่ ทหาร ตำรวจ และนักการเมืองบางส่วน 2. กลุ่มที่สูญเสียผลประโยชน์ที่เคยได้จากการฉ้อฉลในรัฐบาลที่แล้ว เช่น กลุ่มนักธุรกิจที่มีอำนาจเงิน และมีพลังทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 3. ผู้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร โดยรัฐไม่ควรใช้วิธีการเหมารวม โดยเฉพาะคนกลุ่มที่สาม ที่ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย รัฐบาลต้องยอมรับว่า คนที่ยึดในอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่มีอยู่จริง

จี้ คมช.จัดการเด็ดขาดกลุ่มป่วน

นายองอาจกล่าวต่อว่า แต่กลุ่มผู้สูญเสียประโยชน์ และกลุ่มอำนาจเก่าที่สูญเสียอำนาจจะเป็นอันตรายมากที่สุด ที่พร้อมจะเล่นบทโหดทุกวิถีทาง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ จึงขอฝากรัฐบาลว่า ถ้าคิดจะตีงูต้องตีให้งูไม่สามารถพ่นพิษออกมาได้ แต่ถ้าตีงูเพียงให้หลังหักเฉยๆ งูก็อาจจะพ่นพิษใส่ได้ทุกเวลา และเมื่อ ใดที่งูพ่นพิษได้ จะไม่เกิดปัญหาเฉพาะกับรัฐบาลเท่านั้น แต่จะเกิดต่อประเทศชาติบ้านเมืองโดยรวม ทั้งที่ไม่มีใครอยากจะให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในบ้านเมือง

ระบุ คมช.เจอเกมใต้ดินหนักขึ้น

นายองอาจกล่าวต่อว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวในกลุ่มอำนาจเก่า เป็นกระบวนการพยายามเล่นเกมสร้างคลื่นใต้น้ำ และคลื่นเหนือน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นกลยุทธ์การตลาดสร้างความเคลื่อนไหวเพิ่มความหวังให้ชาวบ้านส่วนหนึ่ง ที่เชื่อว่าไม่ช้ากลุ่มอำนาจเก่าจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปล่อยข่าว สร้างข่าวลือ หรือมีข่าวหลอกขึ้นมาตลอดเวลา เช่น การปลด พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ การเปลี่ยนแปลงผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช หรือความขัดแย้งใน คมช. หรือข่าวลือว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. รับเงิน 500 ล้านบาท ขณะเดินทางไปพม่า ซึ่งจะมีข่าวปล่อยออกมาตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นลอยๆ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อเป็นการช่วงชิงอำนาจ พร้อมกับการสร้างอำนาจต่อรอง ใครก็ตามที่กำลังดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองลักษณะนี้ ยิ่งสร้างบาดแผลให้กับสังคมไทยเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่สังคมไทยมีบาดแผลมากพออยู่แล้วจากการกระทำในช่วงที่ผ่านมา ตนคงไม่ไปเรียกร้องให้คนเหล่านี้ยุติ แต่อยากเรียกร้องให้สังคมช่วยกันจับตาดูพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ และประชาชนในสังคมไทยจะต้องช่วยกันหาทางป้องกันทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จวกสรรพากรนกรู้หวั่นภัยถึงตัว

นายองอาจกล่าวถึงกรณีที่กรมสรรพากรได้ทำหนังสือตอบครอบครัวชินวัตรว่า ไม่ต้องเสียภาษีในการซื้อหุ้นแอมเพิลริชที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น จากนั้นอีก 1 ปี กรมสรรพากรกลับระบุว่า จะต้องเสียภาษี ทำให้สังคมไม่สามารถมั่นใจว่า กรมสรรพากรต้องยึดกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการขาดสำนึกในความเป็นข้าราชการ ที่ควรจะดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ มากกว่าที่จะรักษาผลประโยชน์ของเศรษฐีบางคน เมื่อถามว่า อธิบดีกรมสรรพากรที่จะตั้งคณะกรรมการสอบ นายองอาจตอบว่า อธิบดีคงรู้ว่าภัยกำลังมาถึงใกล้ตัว ก็คงทำทุกวิถีทางที่จะสกัดอันตราย แต่ความจริงก็เป็นความจริง กฎหมายก็เป็นกฎหมาย ใครที่เคยใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อประโยชน์ให้ตัวเองวันนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว ส่วนที่ว่ามีการอ้างว่าพบข้อมูลใหม่จึงมีการสอบนั้น พรรคประชาธิปัตย์ดูเรื่องนี้แล้วไม่เห็นข้อมูลใหม่ การตั้งคณะกรรมการสอบจะช่วยยืนยันกับสังคมว่า ต่อไปคนไทยจะได้รับการปฏิบัติเรื่องภาษีอย่างเสมอภาคกัน เพราะเมื่อไรที่คนขาดความเชื่อถือกรมสรรพากรก็จะเป็นปัญหาหนัก

สุดารัตน์ คาใจ จิ๋ว เล่นอะไร


ทางด้านพรรคไทยรักไทย วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องต่อ คมช.ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย ว่าเป็นความคิดของ พล.อ.ชวลิต และที่มีการพูดว่าท่านได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่น่าเชื่อ เพราะเขาทั้งคู่ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะ พล.อ.ชวลิตเองก็ออกไปจากพรรคไทยรักไทยนานแล้ว จริงๆ ก็ไม่รู้ว่า พล.อ.ชวลิตกำลังเล่นอะไรอยู่ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์หารือกันบ้างหรือไม่ในการกลับประเทศ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่าท่านยืนยันว่ายังไม่กลับเวลานี้

ชม สนธิ ทำงานอยู่ในกรอบ

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณสั่งผ่านมาให้จ่ายเงินเดือนอดีต ส.ส.เดือนละแสน เพื่อรวบรวมอดีต ส.ส.ลงเล่นการเมืองอีกครั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ตอบปฏิเสธว่า ไม่มีการสั่งมาแต่อย่างใด เป็นการปล่อยข่าวทำให้พรรคไทยรักไทยเสียหาย การเมืองขณะนี้พวกเราก็ยังเฉยๆอยู่เพราะยังอีกนาน รัฐบาลนี้เพิ่งบริหารงานแค่ 1-2 เดือนกว่าๆ เราก็รอดูเขาใจเย็นๆ ตอนนี้ยังไม่ทำอะไรแค่ลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้าน เมื่อถามว่า มองการทำงานของ คมช.และรัฐบาลอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็โอเค ทำงานในหน้าที่อยู่ในกรอบอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ดี แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นใน คมช.เป็นอย่างไร

ทรท.ตัดตอนไม่เกี่ยวปฏิวัติซ้อน

ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี รักษาการโฆษกพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่าคมช.ได้วิเคราะห์ว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายก รัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหว และพูดถึงการปฏิวัติซ้อน เพราะลูกน้องคนใกล้ชิดไม่ได้เป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจและเชื่อมโยงกับการเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางกลับไทย ว่าเรื่องการปฏิวัติซ้อน พรรคไทยรักไทย เห็นว่าการปฏิวัติไม่ควรเกิดขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน เมื่อมีการปฏิวัติเกิดขึ้นครั้งเดียวก็ถือว่าเกินพอแล้ว แม้ไม่ทำให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่ต้นทุนมันสูงกว่าการเลือกตั้งทั่วไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะผลของการปฏิวัติ อย่างน้อยทำให้ประเทศชาติเสียหายใน 3 ส่วนคือ 1. ทำลายประชาธิปไตยของไทย 2. ฉีกทำลายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ประชาชนร่วมกันสร้างมา ซึ่งพูดกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดเท่าที่มีมา และ 3. ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศในสายตาชาวต่างชาติ ตอนนี้ไทยตกอันดับมาเป็นประเทศล้าหลังเป็น 1 ใน 5 ประเทศในโลก ที่ยังปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหาร ส่งผลเสียหายเฉพาะหน้าต่อประเทศอย่างรุนแรง


ได้ทีพูดแขวะ ทหาร-คมช.


น.ต.ศิธากล่าวว่า ดังนั้นหากมีการปฏิวัติซ้อน และสืบทอดอำนาจกันต่อไปอีก จะยิ่งทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างถาวรมากขึ้นไปอีก เป็นการตอกย้ำความรู้สึกของคนต่างชาติว่าคนไทยชอบตัดสินปัญหาโดยใช้กำลัง แต่ไม่ใช้เหตุผล โดยเฉพาะเมื่อมีการพูดโต้ตอบกันระหว่างนายทหารระดับสูงทั้ง 2 ฝ่าย ที่บอกว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์การเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจ ยิ่งทำให้เห็นว่าเหตุผลที่อ้างในการทำปฏิวัติไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง ทำให้เห็นว่ากลุ่มใดๆ ล้วนแต่ เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ จุดยืนของพรรคไทยรักไทยไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติไม่ว่าจะเป็นครั้งที่ 1 หรือปฏิวัติซ้อน แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วทางพรรคก็พร้อมจะร่วมมือกับ คมช.และรัฐบาลในแนวทางสมานฉันท์ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ถลำลึกไปกว่าเดิม เราไม่เห็นด้วยทั้งการปฏิวัติซ้อน หรือเรื่องคลื่นใต้น้ำที่พยายามกล่าวหามาโยงกัน

ปัดลีลา บิ๊กจิ๋ว ไม่เกี่ยว ทรท.

น.ต.ศิธากล่าวว่าส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิตขอให้ คมช.เปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยนั้น พล.อ.ชวลิตท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนหนึ่งเป็นถึงอดีตนายกฯ คนในพรรคไทยรักไทยก็ยังให้ความเคารพนับถือท่าน แต่ท่านได้ลาออกจากพรรคไปนานแล้วก่อนที่จะปฏิวัติ การเคลื่อนไหวของท่านไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกับพรรค และท่านก็ไม่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างใด ตอนนี้มีกระบวนการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตพรรคไทยรักไทยออกมามากมาย ที่มีแหล่งข่าวใน คมช.เต้าข่าวว่า พล.อ.ชวลิตพยายามเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเพื่อแลกกับผลประโยชน์ เท่าที่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งสุดท้าย ท่านก็ยืนยันว่าหาก คมช.เห็นว่าท่านเป็นต้นเหตุให้คน 2 กลุ่มแตกแยกก็พร้อมเสียสละไม่เดินทางกลับ ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะกลับประเทศในช่วงนี้ และไม่เคยมีความคิดที่จะขอพบนายกฯหรือใครเพื่อจะขอเดินทางกลับ รวมทั้งไม่เคยคิดที่จะลักลอบหลบหนีเข้าประเทศ ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง

โวยหยุดปล่อยข่าวทำลาย ทักษิณ

ตอนนี้มีการปล่อยข่าวกันมาก โดยใช้วิธีไปตรวจสอบการจองตั๋วเครื่องบินและการขอวีซ่า แล้วก็ปล่อยข่าวล่วงหน้าว่าจะเดินทางไปที่โน่นที่นี่เพื่อเดินเรื่องทางการเมือง ทั้งที่ความจริงเป็นการเดินทางไปส่วนตัว เช่น ในวันที่ 22 พ.ย. ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณจะไปพักผ่อนอยากพบหน้าลูกเมียเนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิดคุณหญิงพจมาน ที่บาหลี ก็ไปออกข่าวทำนองว่าจะไปสกัดกั้นข้อมูลการทำธุรกิจของครอบครัวในอินโดนีเซีย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เมื่อท่านยอมเสียสละไม่กลับมาไทยแล้ว ทั้งที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเกือบ 2 เดือน ก็น่าจะให้เกียรติกันบ้าง ในฐานะอดีตนายกฯจะกลับมาคมช.ก็ไม่อนุญาต ไม่ให้เครื่องบินลงจอดแล้ว แต่เมื่อจะไปเรื่องส่วนตัวก็อย่าได้พยายามเต้าข่าวเพื่อดิสเครดิต กันอีก ถือเป็นการซ้ำเติมกันอย่างไม่เป็นธรรม และไม่ได้เป็นไปตามแนวทางสมานฉันท์อย่างที่กล่าวอ้างอย่างแท้จริง น.ต.ศิธากล่าว

โต้จ่ายหัวละแสนเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณสั่งการผ่านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้จ่ายเงินเดือนอดีต ส.ส.เดือนละ 1 แสน เพื่อรวบรวมทวงคืนอำนาจ น.ต.ศิธาตอบว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แม้แต่ค่าใช้จ่ายของพรรคที่ถนนเพชรบุรีเดือนละเกือบล้านบาท ยังต้องประหยัดหาที่ใหม่ที่เล็กลง และ พ.ต.ท.ทักษิณก็ลาออกจากพรรคไปแล้ว การดำเนินการใดๆในพรรคขึ้นอยู่กับรักษาการหัวหน้าและรักษาการผู้บริหารพรรค ดังนั้นข่าวการจ่ายเงินดังกล่าวจึงเป็นไปไม่ได้ แต่กลุ่มมุ้งวังต่างๆ ที่เคยจ่ายดูแลสมาชิกในกลุ่มเราคงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว คนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้คงสับสนระหว่างเรื่องของกลุ่มมุ้งกับเรื่องของพรรค


ศรชัย ยัน จิ๋ว เตือนด้วยใจจริง


ส่วนกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. ตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ต้องมีอะไรในใจในการออกมาหนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยนั้น วันเดียวกัน พล.ต.ศรชัย มนตริวัต อดีต ส.ส.ไทยรักไทย คนสนิท พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า การเสนอให้ คมช.เปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยของ พล.อ.ชวลิตนั้น เชื่อว่า พล.อ.ชวลิตพูดด้วยใจจริง ด้วยความปรารถนาดี ไม่น่าจะมีอะไรในใจเหมือนที่บางคนตั้งข้อสังเกต ตนติดตาม พล.อ.ชวลิตมานาน รู้ว่าท่านเป็นคนอย่างไร ไม่ใช่คนที่จะมาแสวงหาผลประโยชน์กับใครแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ยิ่งจะเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มผู้สนับสนุนก่อความวุ่นวายเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.ต.ศรชัยตอบว่า กรณีคลื่นใต้น้ำนั้นยอมรับว่าก็ค่อนข้างสับสนพอสมควร

เชื่อ พี่จิ๋ว มีข้อมูลรู้เรื่องไม่ดี

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คมช.ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะลูกน้องของ พล.อ.ชวลิตไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ลูกพี่เลยออกมาโวยวาย พล.ต.ศรชัยตอบว่า ลูกน้องคนไหนล่ะ เอ่ยชื่อมาสิ ไม่มีหรอก ไม่อยากให้มองว่ามีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะคนอย่าง พล.อ.ชวลิตไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว อยากให้มองว่าเป็นเรื่องของความปรารถนาดี ต้องการเห็นทุกอย่างเดินไปอย่างถูกต้อง เพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งนายทหารเข้าเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจตนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีทหารที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว อยู่ที่ว่านายทหารที่ส่งเข้ามามีความรู้ความสามารถหรือไม่เท่านั้น ผมคิดว่าคงมีอะไรที่พี่จิ๋วรู้แล้วมันเป็นเรื่องไม่ดี ท่านจึงต้องออกมาตักเตือนกัน แต่จะให้พูดอะไรมากคงไม่ได้ พล.ต.ศรชัยกล่าว

ไม่เห็นด้วย ทักษิณ กลับไทย

ด้านนายลิขิต ธีรเวคิน หัวหน้าพรรคพลังแผ่นดินไท กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเมืองไทย เพื่อง่ายต่อการติดตามความเคลื่อนไหวว่า เป็นเพียงความเห็นของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เพราะกลับมาแล้วจะอยู่ในบ้านอย่างเดียวโดยไม่มีใครรวมตัวมาแสดงความเห็นใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งจะทำให้สถานการณ์มันวุ่นวาย คนสนับสนุนและคนต่อต้านก็ต้องมารวมตัวกันอีก กลับมาเมืองไทยแล้วยิ่งทำให้การเมืองมีปัญหาก็ไม่ควรกลับมาเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศมาแล้ว 5-6 ปี รู้ดีว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเมืองไทยได้ในกรณีเดียว คือมาต่อสู้คดีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะทำให้เมืองไทยมีปัญหาบานปลายกันไปอีก ควรแยกแยะแต่ละประเด็นที่ พล.อ.ชวลิตให้ข้อคิดให้ดี ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์