"มาร์ค"เผยกัมพูชายังไม่ส่งสัญญาณเจรจาแก้ปมประสาทพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณจากทางกัมพูชาที่จะให้มีการเจรจาในกรอบความร่วมมือหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในกรณีปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร รวมทั้งยังไม่ได้รับหนังสือจากที่ปรึกษาของกษัตริย์กัมพูชาที่จะพยายามคลี่คลายความขัดแย้งทั้งเรื่องปราสาทพระวิหารและพื้นที่พิพาทอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนตามที่มีกระแสข่าวว่าได้ส่งมาถึงไทย "สุเทพ"ไม่รู้เรื่องจม."เจ้าชายกัมพูชา"ส่งถึง"มาร์ค"ร่วมมือแก้ปมพระวิหาร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวเมื่อวันที่ 4 ส.ค. ถึงกรณีเจ้าชายสีโสวัฒน์ โทมิโก ที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อโน้มน้าวให้ไทยกับกัมพูชา ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ว่า ไม่ทราบเรื่องจดหมาย แต่ในหลักการประเทศไทยยึดหลักการอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านด้วยความเข้าใจ ด้วยสันติ ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง กรณีเขาพระวิหารเราไม่ได้โต้แย้งเรื่องตัวเขาพระวิหาร เราทำตามที่ศาลโลกได้ตัดสินเอาไว้ เจ้าชายเขมรร่อนจม.ถึง"อภิสิทธิ์"เรียกร้องยุติขัดแย้งร่วมมือพัฒนา ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ของกัมพูชารายงานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมว่า เจ้าชายสีโสวัฒน์ โทมิโก ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ได้ส่งจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เพื่อพยายามแก้ปัญหาการเผชิญหน้ากันในเรื่องสถานะของปราสาทพระวิหารและข้อขัดแย้งอื่นๆ บริเวณชายแดน "มาร์ค"สั่งเดินหน้าล็อบบี้4ปท.หลักปมปราสาทพระวิหาร นายปณิธานกล่าวต่อว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดนายสุวิทย์เดินสายชี้แจงประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกในช่วง 1 ปีหลังจากนี้ ขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปหลังคณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนการรับรองแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทวิหารของกัมพูชาออกไป เพราะแสดงให้เห็นว่า ประเทศสมาชิกรับความกังวลใจของไทย และคิดว่าถ้าเดินหน้าต่อจะสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งและปะทะกันของพลเมือง 2 ประเทศมากขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของไทยที่ขู่ถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกยูเนสโก เป็นเหตุผลให้คณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนการพิจารณากรณีปราสาทพระวิหารออกไปหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ในรายงานที่นายสุวิทย์เสนอต่อครม. ได้อ้าง 3 ส่วนคือ 1. มติครม. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2. ความเคลื่อนไหวของภาคประชาชน และ 3. การกำหนดมาตรการแสดงสิทธิของฝ่ายไทย ซึ่งแสดงให้เห็นจุดยืนของประเทศไทยที่มีความเป็นเอกภาพ ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้มาตรการรุนแรงและก้าวร้าวเกินความจำเป็นนั้น “ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีเจตนารุกรานใคร แต่ต้องแสดงออกให้เห็นถึงการปกป้องอธิปไตยอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าการใช้มาตรการสุภาพเรียบร้อยไม่ได้ผล เราไม่ได้เตรียมจะรบ แต่เตรียมความพร้อมในส่วนของเรา ซึ่งในสัปดาห์นี้จะเริ่มดำเนินการตามมาตรการแสดงสิทธิในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยกระทรวงการต่างประเทศจะย้ำจุดยืนของไทยอีกครั้ง ก่อนเข้าไปขอความร่วมมือในพื้นที่เรื่องการจัดการสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกระทรวงกลาโหมจะเข้ามาดูแลเรื่องนี้ต่อไป” นายปณิธานกล่าว เมื่อถามว่า ในช่วง 1 ปี ประเทศหลักที่ไทยต้องล็อบบี้ให้ได้คือประเทศใด นายปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มการตัดสินใจของประเทศใหญ่ๆ ยังไม่ชัดเจน แต่หลายประเทศไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายไทย ขณะที่หลายประเทศก็ไม่ยอมแสดงจุดยืนเพราะไม่ต้องการทะเลาะกับไทย-กัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียด้วยกัน อย่างไรก็ตามมีประเทศขนาดใหญ่ 3-4 ประเทศที่ต้องล็อบบี้ให้ได้เพราะมีบทบาทในการอนุรักษ์มรดกโลก เมื่อถามว่า จำเป็นต้องล็อบบี้ประเทศฝรั่งเศสที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า เขามีประวัติผูกพันกันมาและมีเครือข่ายข้อมูล ก็ต้องยอมรับว่าขณะนี้กัมพูชาเป็นฝ่ายได้เปรียบจากหลายเหตุผล อาทิ มีความเป็นเอกภาพมากกว่าเนื่องจากเปลี่ยนแปลงรัฐบาลน้อยกว่าไทย มีมติศาลโลกรับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร มีประวัติผูกพันใกล้ชิดประเทศที่เคยล่าอาณานิคม เป็นประเทศมีศักยภาพพัฒนาน้อยกว่า ทำให้หลายประเทศเห็นใจ "สุวิทย์"ยันไม่เสียค่าโง่เซ็นตั้งไอซีซีทำเสียเปรียบ ชี้ปีหน้าปมพระวิหารยากขึ้น เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่3 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยที่เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่นครบราซิเลีย ประเทศบราซิล แถลงชี้แจงกรณีกลุ่มพันธมิตรระบุว่า ไปลงนามในเอกสารตั้งคณะกรรมการบริหารพื้นที่ร่วม (ไอซีซี) จนทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา ในการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า เอกสารที่ตนลงนามไป เป็นเพียงข้อมติที่ประธานการประชุมร่าง (Draft) มาให้ลงนามเท่านั้น เหตุที่ตนลงนามเพราะพิจารณาแล้วไม่มีข้อผูกพัน ทั้งทางเขตแดนและทางกฎหมาย
นายกฯรับมีจม.จากที่ปรึกษากษัตริย์เขมรส่งมาจริง "สุเทพ"ไม่รู้เรื่องจม."เจ้าชายกัมพูชา"ส่งถึง"มาร์ค"
"มาร์ค"สั่งลุยแสดงสิทธิพื้นที่ทับซ้อนพระวิหาร เจ้าชายเขมรส่งจม.เรียกร้องยุติขัดแย้ง-ร่วมมือพัฒนา
"มาร์ค"รับมีจม.จากที่ปรึกษากษัตริย์เขมรส่งมาจริง
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 4 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่ประเทศกัมพูชาเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ว่า ขณะนี้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ โดยรัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนว่าเรื่องสำคัญคือการรักษาอธิปไตย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวัฒนธรรม จะต้องเข้ามาร่วม สำหรับการจะปูทางไปสู่การแก้ไขปัญหาอื่นๆ นั้นหากกัมพูชายอมรับว่าการผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวได้สร้างความตึงเครียดมากขึ้น และพร้อมที่จะมาพูดคุยในการที่จะทำอะไรร่วมกันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะการแก้ปัญหาใดๆ เราต้องคำนึงถึงชีวิคความเป็นอยู่ของคนทั้ง 2 ฝั่งพรมแดนตรงนั้นด้วยในอนาคต แต่ยังไม่มีสัญญาณตรงนั้น
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าสีโสวัฒน์ โทมิโก ที่ปรึกษาในพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์ของประเทศกัมพูชา ส่งจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ เพื่อขอให้ทั้ง 2 ประเทศยุติความขัดแย้งและสร้างบรรยากาศในการสมานฉันท์กันในภูมิภาคเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว แต่ทราบว่ามีการส่งมาแล้วในช่วงดึกวันที่ 3 สิงหาคม เมื่อถามว่า เนื้อหาจดหมายมีการขอร้องให้มีการใช้กรณีของปราสาทพระวิหารเป็นสัญลักษณ์ของทั้ง 2 ประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าทำได้ก็ดี เพราะคุณค่าของตัวสถานที่และวัฒนธรรมจะถ่ายทอดมาสู่ประชาชนได้บนบรรยากาศของสันติภาพและความปรองดอง แต่การที่นำเรื่องนี้มาเดินในลักษณะที่จะสร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบในเรื่องเขตแดนนั้น มันเป็นปัญหาอุปสรรค และไม่มีทางที่ประชาชนของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะยอม เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถยอมรับการจะใช้ตรงนี้ร่วมกันได้ ตนคิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
อย่างไรก็ตาม หากทางไทยและกัมพูชาสามารถเจรจากันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามที่จะแสดงออกให้เห็นว่าอยากให้การดำเนินการเรื่องนี้อยู่บนพื้นฐานของสันติภาพและความปรองดองอยู่แล้วและยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงไปเจรจากับทางการกัมพูชา เพราะคณะกรรมการชุดที่เพิ่มจัดตั้งขึ้น มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานทำหน้าที่อยู่แล้ว
"ทางกัมพูชาควรจะยอมรับที่จะไม่มีการผลักดันการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว เพราะยังถือว่าเป็นการสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น แต่หากทางกัมพูชาให้การยอมรับหรือมีการพูดคุยกับฝ่ายไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี"
"แต่พื้นที่รอบเขาพระวิหาร ซึ่งยังเป็นพื้นที่กรณีพิพาท ก็ต้องหาวิธีการในการตกลงให้ได้ว่าเขตแดนอยู่ตรงไหกันแน่ หากทั้ง 2 ฝ่าย เร่งรัดทำงานเสร็จเร็วเท่าไรเขตแดนชัดเจนก็ไม่ต้องทะเลาะกัน ไม่ต้องขัดใจกัน แต่ระหว่างที่เขตแดนยังไม่เรียบร้อยมีหนทางไหนที่พูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งก็สมควรที่จะทำ" นายสุเทพ กล่าว
พนมเปญโพสต์รายงานว่า ในจดหมายที่ส่งมาจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เจ้าชายสีโสวัฒน์ ระบุว่าทั้ง 2 ประเทศจะได้รับผลประโยชน์จากการยุติเรื่องดินแดนไว้ชั่วคราวเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในภูมิภาค
จดหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า "การยกเรื่องการอ้างสิทธิเหนือเขตแดนเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ในการขุดคุ้ยหน้าประวัติศาสตร์ และเป็นการทำร้ายประชาชนของเราโดยการขัดขวางการเข้าไปลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรที่มีอยู่"
"ท่านนายกรัฐมนตรี ความปรารถนาสูงสุดของข้าพเจ้าคือการได้เห็นปราสาทพระวิหารคงอยู่ในฐานะสัญลักษณ์ของการปรองดองกันระหว่างทั้ง 2 ชาติ ในฐานะความราบรื่น กลมกลืนในความสัมพันธ์ของเรา และในฐานะของรูปแบบความร่วมมือระหว่างเพื่อนบ้านที่ออกดอกผลอุดมสมบูรณ์" จดหมายระบุ
ขณะที่รายงานข่าวอีกชิ้นของพนมเปญโพสต์รายงานถึงคำกล่าวของซู วิลเลียมส์ โฆษกขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่กล่าวเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมถึงเรื่องนี้ว่าคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีอำนาจที่จะรับรองสิ่งใดๆ ก็ตามและทำได้เพียงบันทึกถึงการได้รับแผนการบริหารจัดการของกัมพูชาเท่านั้น
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบผลการประชุมผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศบราซิล ตามที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าผู้แทนไทยรายงาน โดยครม. รู้สึกพอใจในการดำเนินการของนายสุวิทย์ อีกทั้งยังมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเตรียมตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยมีนายสุวิทย์เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และผู้เชี่ยวชาญ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2011 และหาช่องทางในการต่อสู้กับกัมพูชาต่อไป นอกจากนี้ครม. ยังมติให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2012 โดยมีประเทศกัมพูชาเสนอตัวเป็นคู่แข่งด้วย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เนื้อหาทั้ง 5 ข้อในร่างดังกล่าว ไม่มีข้อไหนระบุว่าได้พิจารณาเรื่องการตั้งไอซีซี แถมยังเปลี่ยนข้อความจากคำว่า "ได้พิจารณา" มาเป็น "ได้รับ" เอกสารจากกัมพูชาแทน เพราะไม่มีกรรมการมรดกโลกคนไหนได้รับเอกสารฉบับเต็มจากทางกัมพูชาก่อนวันประชุม 6 สัปดาห์ตามข้อบังคับแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้ในร่างดังกล่าวยังระบุให้เลื่อนวาระปราสาทพระวิหารไปพิจารณาในการประชุมที่ประเทศบาห์เรน ปี 2554 ด้วย โดยเนื้อหาร่างข้อมติดังกล่าว ต่างจากเนื้อหาในเอกสารฉบับย่อ 7 ข้อที่ทางกัมพูชาเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก และมีผลผูกพันทางกฎหมายชัดเจน
"สถานะทุกอย่างไม่เปลี่ยนไปจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อ 2 ปีก่อนที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา ที่มีมติให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และให้ตั้งไอซีซี แต่ไทยทำหนังสือคัดค้านมาตลอด ตั้งแต่การประชุมที่เมืองเซบีย่า ประเทศสเปน ในปี 2552 จนถึงครั้งนี้ และเงื่อนไขการตั้งไอซีซี จะต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ตราบใดที่ไทยยังไม่ยอมรับ ก็ตั้งไม่ได้ ยืนยันผมจะไม่ทำให้ไทยเสียค่าโง่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลนี้ แต่เกิดจากรัฐบาลชุดก่อน ที่เราต้องมาตามแก้ไข" นายสุวิทย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายซก อาน รองนายกฯกัมพูชานำมติดังกล่าวไปประกาศชัยชนะ นายสุวิทย์ กล่าวว่า นายซก อานคงพูดไปเพราะหวังผลทางการเมืองในประเทศ ถ้าเป็นชัยชนะของกัมพูชาจริง เหตุใดร่างข้อมติดังกล่าวจึงต่างจากที่กัมพูชาเสนอทุกอย่าง ตนไม่เคยบอกเป็นชัยชนะของไทย แค่บอกว่าเป็นความสำเร็จที่ทำให้เลื่อนการพิจารณาออกไปได้ ทั้งนี้ครม.ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ใช้ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งต่อไป เชื่อว่าจะยากเย็นกว่าครั้งนี้แน่ ยอมรับว่าหนักใจ เพราะคนไทยไม่มีเอกภาพ
เมื่อถามว่าการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งต่อไปไทยจะได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องฉบับเต็มจากทางกัมพูชาเมื่อใด นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตามหลักการควรจะได้ก่อนวันที่ 1 ก.ย.แต่การประชุมที่บราซิล ก็ไม่มีใครได้เอกสารฉบับเต็มก่อนแม้แต่คนเดียว ซึ่งการประชุมครั้งหน้าอย่างน้อยที่สุดฝ่ายไทยต้องได้เอกสารจากกัมพูชา ทั้งนี้โดยหลักการการจะขึ้นทะเบียนสถานที่ใดซึ่งอยู่ระหว่าง 2 ประเทศเป็นมรดกโลก ต้องให้มีการปักปันเขตแดนชัดเจนก่อน ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วม (เจบีซี) ดำเนินการ เชื่อว่าใช้เวลาไม่น้อย ไม่เช่นนั้นขึ้นไปก็ทำให้เกิดข้อพิพาท จนอาจก่อสงคราม
นายกฯรับมีจม.จากที่ปรึกษากษัตริย์เขมรส่งมาจริง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง นายกฯรับมีจม.จากที่ปรึกษากษัตริย์เขมรส่งมาจริง
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday