วันนี้ (30 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารหน้าโรงแรมทวินโลตัส อ.เมืองนครศรีธรรมราช
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยฝั่งอ่าวไทย โดยมี พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรอง ผบช.ภ.8 ประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการประสานงานภาคใต้ ฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต พรรคเพื่อไทย พิเชษฐ สถิรชวาล ประธานโซนอันดามันพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริการสาขาพรรคเพื่อไทยภาคใต้ สมาชิกพรรคเพื่อไทยและผู้ที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ ภูเก็ต พังงา เป็นต้นรวมกว่า 1,500 คน เดินทางมาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง สำหรับศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยฝั่งอ่าวไทยมีนายวิโรจน์ วรินทราเวช เป็นประธาน
พล.อ.ชวลิต กล่าว ปราศรัยกับผู้ร่วมในพิธีเปิดว่า ตนตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย
โดยประกาศแนวทางกับคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าจะเข้ามาดำเนินการตามเป้าหมายมที่วางไว้ 4 ประการ ประกอบด้วย 1.เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคเพื่อไทยไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน 2. เพื่อนำอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน 3. เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4.เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน
“ในอดีตสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตนเคยมีอำนาจนั่งหัวโต๊ะในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึง 8 ปี สามารถแก้ไขปัญหาในประเทศได้เกือบทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแก้ไม่ได้คือการนำอำนาจอธิปไตยที่แท้จริงให้กับประชาชน เพราะการปกครองระบอบประชาธิปไตยหัวใจอยู่ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ผมจึงตัดสินใจลาออกจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ผมลาออกในขณะที่ผมยังมีอำนาจและเหลือเวลาก่อนเกษียณราชการถึง 4 ปี และออกมาทำงานทางการเมืองหวังนำอธิปไตยให้เป็นของประชาชน แต่ผมทำไม่สำเร็จแม้จะมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม”
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศกำลังวิกฤติหนักที่สุด
มีหนี้สินมากมายล้นพ้นตัวซึ่งผมมารู้เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วและผมรู้ทันทีว่ารัฐบาลผมอยู่ไม่ได้พังแน่ ในที่สุดผมจึงลาออกด้วยเหตุผลที่ผมประกาศว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท แต่ในที่สุดจำเป็นต้องขึ้นค่าเงินบาทเพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศอยู่ได้ เท่ากับผมผิดคำพูดเมื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรีแต่ทำผิดคำพูดผมต้องแสดงความรับผิดชอบจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ในทางการเมืองผมเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำการก่อการร้าย แกนนำในการล้มล้างสถาบัน ทั้ง ๆ ที่ผมทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาทสถาบันมาตลอด และแก้ไขการก่อการร้ายในประเทศไทยจนสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ ผมจึงตัดสินใจเข้าร่วมดำเนินงานทางการเมืองอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตผม โดยเลือกทำงานในนามพรรคเพื่อไทย และในปัจจุบันนี้บ้านเมืองไม่ได้เป็นประชาธิปไตย”
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่าผมเดินทางมาจังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งนี้ผมเสียใจมาก ๆ ที่ทำให้พี่น้องสื่อมวลชนต้องเดือดร้อนเพราะผม
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ในอำนาจของรัฐบาลทราบข่าวว่าผมจะเดินทางมาจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานเปิดสาขาหรือศูนย์ประสานงานอ่าวไทย พรรคเพื่อไทย จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการสอบสวนกลาง กทช.เป็นต้น เขายกกำลังมาล่วงหน้าและบุกเข้าตรวจค้นจับกุมสถานีวิทยุชุมชน 8 แห่ง วิทยุโทรทัศน์ 3 แห่ง วิธีการเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศที่บอกว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลประกาศเดินหน้าแผนปรองดองแห่ชาติ.
บิ๊กจิ๋วชี้เล่นการเมืองครั้งสุดท้ายในชีวิต
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง บิ๊กจิ๋วชี้เล่นการเมืองครั้งสุดท้ายในชีวิต