โสภณ ย้ำรถเมล์4พันคันไม่ทำไม่เดือดร้อน

ระบุ เพราะตัวเองไม่ได้เป็น ส.ส.กรุงเทพฯ แต่เมื่อรับผิดชอบ ขสมก.ถ้าหากไม่ทำอะไรสักอย่างปี 53 ขสมก.ต้องขาดทุนสะสมถึง 1 แสนล้านบาท และประชาชนจะเสียโอกาสใช้รถโดยสารใหม่...

นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าววานนี้ (28 ก.ค.)

ถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการเช่าและซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร ปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือโครงการเช่ารถโดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีก 3 ประเด็น ได้แก่ 1.แผนการบริหารโครงการกรณีมีโครงการรถเมล์ฟรี 800 คัน 2.การจัดหาอู่รถโดยสาร และ3.การจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด

“สศช.ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเช่ารถโดยสารใช้เอ็นจีวีเพิ่มเติม โดยหากการถามดังกล่าวเป็นไปโดยสุจริตใจ กระทรวงคมนาคมก็พร้อมชี้แจง ส่วนโครงการจะเกิดหรือไม่นั้น ผมไม่ได้เดือดร้อน เพราะไม่ได้เป็น ส.ส.กรุงเทพฯ แต่คงต้องรับผิดชอบในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล ขสมก.โดยคาดว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ผลการดำเนินงานปี 2553 นี้ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะขาดทุนสะสมถึง 1 แสนล้านบาท ขณะที่ประชาชนจะเสียโอกาสในการใช้บริการรถโดยสารใหม่” รมว.คมนาคม กล่าว

นายโสภณ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้จัดทำข้อมูลชี้แจงต่อ สศช.แล้ว

โดยระบุว่ากระทรวงคมนาคมสนับสนุนการดำเนินโครงการรถเมล์ฟรี 800 คัน เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย และการดำเนินโครงการรถเมล์ฟรีจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการเช่ารถ โดยสารเอ็นจีวี 4,000 คัน เพราะเป็นการให้บริการคนละกลุ่มเป้าหมาย โดยการบริการของขสมก. จะมีทั้งการบริการผู้มีรายได้น้อย การให้ส่วนลดสำหรับนักเรียน นักศึกษา และคนชรา และการบริการประชาชนทั่วไปโดยรถโดยสารปรับอากาศใช้เอ็นจีวี

รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า ส่วนการจัดหาอู่รถโดยสารนั้น กระทรวงคมนาคมยืนยันวิธีการเช่าแทนการซื้อที่ดินที่คาดว่าจะใช้เงินสูงถึง 5,000 ล้านบาท

โดยการเช่าจะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเพราะเป็นการเช่าที่ดินของหน่วยงานรัฐ วิสาหกิจ สำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด จะมีการลดจำนวนพนักงานที่จะเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดประมาณ 2,000 คน จากเดิมที่มีจำนวนพนักงานเข้าโครงการประมาณ 7,000 คน ก็จะเหลือเพียง 5,000 คน

นายโสภณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น ยังมีการชี้แจงกรณีการเสนอขายรถโดยสารเก่ากว่า 1,000 คัน

หลังจากได้รับมอบรถโดยสารใช้เอ็นจีวี 4,000 คัน เนื่องจากต้องการนำรายได้มาเป็นทุนในการดำเนินโครงการเช่ารถโดยสารใช้เอ็นจี วี ขณะเดียวกันไม่ต้องการนำรถโดยสารที่มีรุ่นหลากหลายมาให้บริการ เพราะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและบริหารงานเพิ่มขึ้น นายโสภณ ยังกล่าวอีกว่า การพิจารณาโครงการรถโดยสารใช้เอ็นจีวีที่ล่าช้านี้ จะไม่มีผลกระทบต่อการลงคะแนนเสียงของส.ส.พรรคภูมิใจไทยในการประชุมรับร่างพ. ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ในเดือนส.ค.นี้