เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร , นายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร , น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้เงินจากการขายหุ้น บ.ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเงินปันผล จำนวน 46,373,687,454.70 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ว่า ขณะนี้ นายพีรพล พิชยวัฒน์ รองประธานศาลฎีกา นายสมศักดิ์ จันทรา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา และนายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาและรวบรวมประเด็นอุทธรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว และที่อัยการสูงสุด ยื่นคัดค้านอุทธรณ์ พร้อมทำบันทึกความเห็นว่า
อุทธรณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในชั้นไต่สวนที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะรับอุทธรณ์ได้หรือไม่ เสนอให้ที่ประชุมใหญ่ฎีกาพิจารณาเพื่อลงมติว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ต่อไป โดยนายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา กำหนดวันนัดประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา ทั้ง 142 เพื่อลงมติในวันที่ 11 สิงหาคม นี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงมติว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จะพิจารณาลงมติเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งหากที่ประชุมใหญ่ลงมติไม่รับอุทธรณ์ ถือเป็นการสิ้นสุดกระบวนการ คดีเป็นอันยุติ
ส่วนประเด็นที่ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ยื่นอุทธรณ์ ให้ไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติม อาทิ
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเขียนบทความและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ ที่มีความเห็นแตกต่างเรื่องมาตรการ 5 ข้อนโยบายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นข้อกล่าวหาของอัยการสูงสุด หรือ เจ้าหน้าที่ธนาคารยูบีเอส เอจี สิงคโปร์ , กรรมการ ผจก.การเงิน เทมาเส็กโฮลดิ้งจำกัด และ กรรมการ บ.แอสแพน โฮลดิ้ง และ บ.ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ติดต่อหรือสั่งการเกี่ยวกับการทำธุรกรรมในบัญชีของ บ.แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด ในแต่ละช่วงเวลาและพิสูจน์เรื่องการซื้อขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็กว่ากลุ่มผู้ขายหุ้นคือ ฝ่ายครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ และใครเป็นผู้ดำเนินการเจรจาการซื้อขายหุ้น รวมทั้งคำร้องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการบังคับคดียึดทรัพย์ไว้ก่อน องค์คณะผู้พิพากษาอุทธรณ์ ยังไม่ได้มีคำสั่งใด ๆ ออกมาแต่อย่างใด