เจอโยงบงการบึ้ม - ยุทธ ตู้เย็น ปากสั่น! ขู่ฟ้อง สนธิ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 มีนาคม 2549 14:10 น.
ยุทธ ตู้เย็น ถึงกับออกอาการ ปฏิเสธเป็นพัลวันหลังถูกโยงอยู่เบื้องหลังระเบิดบ้าน ชัยอนันต์ ระบุหากเกิดความรุนแรงขณะนี้รัฐบาลหนีไม่พ้นเป็นจำเลยสังคมเบอร์แรก ใครจะคิดทำแบบนั้น ไม่บ้าก็โง่ แล้ว ลั่นฟ้องเอาผิดแน่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จวก สนธิ โหนกระแสยากจนเสี้ยมประชาชนให้เกลียดคนรวย อ้างเป็นนักหนังสือพิมพ์ย่อมรู้วิธีโน้มน้าวใจคนให้คล้อยตาม
วันนี้ (10 มี.ค.) นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ระบุว่าเหตุการณ์ระเบิดที่บ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และที่บ้านของนายชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยว่า ตนนั่งคิดมาในรถตลอดว่าทำไมถึงมีกรรม ซึ่งต้องขอร้องพี่น้องสื่อมวลชน จะรักกันก็ช่างจะโกรธกันก็ช่าง ขอให้นำเอาข้อความสิ่งที่ตนได้พูดเป็นข้อความที่เต็มๆ ด้วย ถ้าไปตัดตอนบางตอน เพราะเนื้อหายาวเกินไปก็จะทำให้ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ ตนก็จะพยายามพูดให้สั้น
เมื่อคืน (9 มี.ค.) คุณสนธิได้กล่าวปราศรัยโจมตีว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น หรือเหตุประทัดที่บ้านของ ดร.ชัยอนันต์ ที่บอกว่าเป็นฝีมือของพวกป่าไม้ และมีการเอ่ยชื่อของผมหลายครั้ง เรื่องนี้ผมฟ้องนะ เพื่อให้กระบวนการทางศาลพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่จริง เด็กอมมือก็รู้ได้ว่าถ้ามีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงนี้ ผลเสียตกอยู่กับรัฐบาลแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นใครที่ไปทำไม่บ้าก็ต้องโง่ ต้องขอโทษที่ต้องใช้ความไม่สุภาพ นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 จะเห็นว่าประชาชนที่มาร่วมกระบวนการนายสนธิ เมื่อได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงจากรัฐบาลหลายเรื่องก็กลับบ้าน กลับภูมิลำเนาไปหากิน จะเห็นว่ากระบวนการนายสนธิที่สนามหลวง ประชาชนลดน้อยไปมาก สิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลได้นั้น ความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องให้มีเหตุการณ์วุ่นวาย นองเลือด เพื่อให้เป็นเงื่อนไขในการที่จะให้อำนาจอันไม่เพิ่งประสงค์นั้นกลับมาสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง อันนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าชุมนุมโดยสงบนั้นไม่มีอะไรที่จะมาสั่นคลอนมาโยกฐานประชาธิปไตยที่มาจากพื้นฐานของประชาชนได้
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3 สื่อ พี่น้องประชาชนหลายฝ่ายไม่ทั้งหมดตกเป็นเหยื่อนายสนธิ โดยที่นายสนธิได้ชี้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงข่าวโดนรัฐบาลคุกคาม ไม่เป็นธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกคนก็เลยเร่งเครื่องเอาข่าวมาลงให้หมด คำชี้แจงของรัฐบาลก็ลดน้อยลงไป แต่ถ้าย้อนกลับไป และไปถามบรรณาธิการและคอลัมนิสต์ เอาแต่ละคอลัมน์มาตัดแปะ เอาข่าวทางทีวี วิทยุทั้งหลายมาขึ้นชาร์ตดูจะเห็นว่าสัดส่วนข่าวของนายสนธิมีมากเหลือเกิน เวลานี้เราหลงทางและตกเป็นเหยื่อ ขอให้กลับไปดู ไม่ใช่จะมาต่อว่าต่อเถียงพี่น้องสื่อมวลชน แต่ขอให้กลับไปดูเสียใหม่
ขอชี้ให้เห็นว่าคุณสนธิโหนกระแสสังคม สังคมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ เรามีความรู้สึกกับคำว่ายากจน เราจะมีความเกลียดหรือรู้สึกต่อความร่ำรวยที่ไม่เป็นธรรม ทุกครั้งที่ปราศรัยจะเห็นว่าการโยงเรื่องการแต่งเรื่องของคุณสนธิในฐานะที่เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักสื่อมวลชน เขาเข้าใจจิตวิทยามวลชน รู้จุดอ่อนจุดแข็งของสังคม และใช้สิ่งนั้นมากล่าวโจมตี นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า แต่ถ้าทุกคนสังเกตเห็นอารมณ์ เห็นการแสดงออกของนายสนธิที่ใช้คำว่าไอ้ อั๊ว ลื้อ มึง กู ด่าอย่างสาดเสียเทเสีย นั้นคือพื้นฐานเดิมของนายสนธิว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้น วันนี้กระบวนการทั้งหลายที่พยายามมาใส่ร้ายป้ายสีตน และรัฐบาล รวมทั้งนายกฯ ขอให้ประชาชนช่วยตรึกตรองและไปคิดย้อนหลังมา จะได้เห็นภาพที่แท้จริง ส่วนเรื่องม็อบทั้งหลายที่เกิดขึ้นที่เห็นชอบกับชอบ เห็นชอบการบริหารรัฐบาลไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย เพราะเรื่องการเมืองนั้นเป็นเรื่องการเจรจาต่อรองของกลุ่มผลประโยชน์ในบ้านเมือง ชาวนา ชาวไร่ พ่อค้า รัฐบาลไหนที่ให้นโยบายที่ดีกับประชาชน ประชาชนเขาก็สนับสนุน แต่บังเอิญเกษตรกร ชาวไร่ ชาวบ้านทั้งหลายเขาได้รับประโยชน์จากรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างมาก
วันนี้หากจับผมไปขัง ไปกัก หรือทำอะไรก็ตาม กระบวนการประชาชนต้องเกิดขึ้นอยู่เสมอ ผมไม่มีอำนาจ บารมี อิทธิพลพอให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ หรือทางภาคเหนือเห็นด้วยร่วมกับทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน ตำบล เพราะฉะนั้นอันนี้คือสิ่งที่ต้องประชาชนต้องรักษาผลประโยชน์ของเขาเองในกลุ่มของเขา นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ดังนั้นหากเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่าไปดูถูกคนจนว่าซื้อได้ อย่าไปดูถูกสติปัญญาของคนจน หากหวนคิดกลับไปนึกถึงข่าวสารต่างๆ การวิเคราะห์พึงรับได้ของประชาชนยุคนี้แล้ว สิ่งที่ตั้งสุมมติฐานว่าการปลุกระดมนักวิชาการบางส่วน คนชนชั้นกลางบางส่วนเพื่อล้มรัฐบาลเหมือนอดีตที่ผ่านมา ซึ่งอดีตทำได้เพราะรัฐบาลเผด็จการทหาร เขาไม่มีรากฐานจากประชาชน แต่รัฐบาลที่จะมาจากเลือกตั้งมีรากฐาน เพราะฉะนั้นยิ่งทำก็ทำให้บ้านเมืองไปสู่หนทางที่อ่อนแอ ดังนั้น วันนี้ไม่ว่านายสนธิจะชนะหรือแพ้ หรือใครชนะ มันจะอยู่บนพื้นฐานของความย่อยยับของประเทศชาติ
นายยงยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ขอเรียนพี่น้อง และคอลัมนิสต์หลายท่าน วันนี้ถ้าหวนกลับไปดูว่า เรากำลังตกเป็นเหยื่อคุณสนธิหรือเปล่า ข้อมูลหลายเรื่องที่อธิบายถ้าย้อนกลับยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ วันนี้เราก็พร้อมจะชี้แจงกับสังคมอีก ขอให้สื่อมวลชนกรุณาช่วยทั้ง 2 ด้านด้วย หลายๆ เรื่อง และขอแสดงความเสียใจในเหตุการณ์หลายครั้งที่เกิดขึ้น ที่เป็นเรื่องของความรุนแรง ขอยืนยันยิ่งรุนแรงมากเท่าไร ประชาชนยิ่งเดินห่างจากรัฐบาล รัฐบาลจึงไม่มีความจำเป็นทำทั้งทางตรง ทางอ้อมใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้เกิดเงื่อนไขดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องร้องขั้นตอนไหน นายยงยุทธ กล่าวว่า เพิ่งรับทราบด้วยมีสื่อโทร.มาหา จึงต้องมาชี้แจงกับสื่อมวลชน และได้รวบรวมหลักฐานที่ได้มีการพูดจาที่สนามหลวง หรือที่นายสนธิได้ให้สัมภาษณ์ที่ไหน เพื่อเป็นข้อมูลฟ้องร้องต่อศาล เพื่อจะได้ดูว่ามันไม่เป็นความจริง ได้รับความเสียหาย ดูหมิ่นจากประชาชนว่าเป็นคนชั่วร้ายในสังคม เมื่อถามต่อว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มคัดค้าน เพราะไม่สามารถใช้การชุมนุมกดดันได้ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปด่าใคร ด่าไม่เป็น แต่กำลังจะบอกว่าอะไรที่เกิดขึ้นที่เป็นความรุนแรง ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล รัฐบาลไม่โง่ที่จะไม่ทำ ตนไม่ได้ว่าใคร เพราะด่าคนไม่เป็น
ส่วนการชุมนุมวันที่ 14 มี.ค.นั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ถ้าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ใช้เหตุใช้ผลพูดคุยกัน บ้านเมืองก็จะเป็นไปตามกระบวนประชาธิปไตย การเลือกตั้งก็เกิดขึ้น แต่ถ้าวันนี้ถ้ามีการเร่งเร้าให้เกิดระเบิด การทะเลาะเบาะแว้งในสังคม ทำให้เกิดการนองเลือด เขาก็หวังว่า การเลือกตั้งก็ไม่เกิดขึ้น นายกฯก็ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง อันนี้เป็นความปรารถนาของบางฝ่าย หากวันที่ 14 มี.ค.มีการปิดล้อมก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
แม้กระทั่งวันนี้คุณสนธิกล่าวว่า ประทัดที่ระเบิดเป็นของพวกป่าไม้ พวกยงยุทธคือการพิสูจน์ทางด้านหลักฐานวิทยาการอะไรต่างๆ แต่นายสนธิก็ไปตัดสินใจได้เองด้วยการแต่งเรื่องขึ้นมาว่า เมื่อมีเหตุอย่างนี้เกิดขึ้นต้องโยนให้คนนั้นคนนี้ ซึ่งตรงนี้อันตรายต่อบ้านเมืองมาก นายยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย