ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (เอ็นบีที) ถนนวิภาวดี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.ค.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในต่างจังหวัดก่อนครบกำหนด 90 วัน ว่าเราจะดูตามสถาพความเป็นจริงของพื้นที่ โดยตนได้ขอให้หน่วยงานต่างๆมีการประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง ทั้งในจังหวัดที่มีการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน อยู่และจังหวัดที่ได้มีการยกเลิกไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างยังเรียบร้อยดี จึงเชื่อว่าในการประชุมครม.วันที่ 20 กรกฎาคมน่าจะมีการยกเลิกได้ในบางจังหวัด แต่คงไม่ใช่การยกเลิกทั้งหมด
เมื่อถามว่า การยกเลิกในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ติดภารกิจในต่างประเทศนั้นจะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคงไม่มีปัญหา เพราะทางศอฉ.ก็ยังทำงานได้ อีกทั้งรมว.กลาโหมและรมว.มหาดไทย และหน่วยงานอย่างตำรวจและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ต้องทำความเห็นมาพิจารณาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ที่ต้องยกเลิก พรก.ฉุกเฉินก่อนครบกำหนดนั้นเป็นเพราะถูกแรงกดดันจากสังคมใช่หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้พูดมาตลอดว่าอยากให้ยกเลิกโดยเร็วที่สุด แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาตามมา หากยกเลิก พรก.ฉุกเฉินไปแล้วเกิดปัญหากระทบกระเทือนกับภาพรวมของประเทศ แต่ระยะเวลาที่ประกาศก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว ซึ่งการต่ออายุคราวที่แล้วและยกเลิกบางส่วนก็ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้วก็ควรที่จะมีการมาประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง เพราะตนไม่คิดว่าจะต้องประกาศ พรก.ฉุกเฉิน จนครบ 90 วัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าการประเมินสถานการณ์นั้นเราต้องมีตลอดเวลา โดยต้องดูว่าจังหวัดที่เลิกไปแล้วมีปัญหาหรือไม่
และจังหวัดที่ยังไม่ได้เลิกประกาศ พรก.ฉุกเฉิน นั้นจะเข้าสู่ภาวะที่เราจะสามารถยกเลิกได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ดูอยู่ว่าจังหวัดที่จะสามารถยกเลิกได้ในครั้งนี้จะมีจังหวัดไหนอะไรบ้าง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะยกเลิกได้กี่จังหวัด เพราะไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ แต่จะดูตามสภาพความเป็นจริงว่าจังหวัดไหนเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจว่าสามารถดูแลสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องใช้ พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า การที่ ครม.ไม่อนุมัติตามที่ ศอฉ.เสนอก็ยังมีความเป็นห่วงในบางพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่เราก็เห็นว่า 5 จังหวัดที่ยกเลิกไปก่อนหน้านี้ โดยภาพรวมก็เรียบร้อยดี
“หัวใจสำคัญที่สุดคือการดำเนินคดีเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าในแต่ละเหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างไรและใครเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะตราบใดที่ยังขาดความชัดเจนมันก็จะมีสิ่งที่ถูกนำไปใช้ เพราะความคลุมเครือนั้นถูกนำไปตีความได้หลายอย่าง ผมได้ขอให้หน่วยงานโดยเฉพาะตำรวจกับดีเอสไอ ได้สรุปว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นเสียชีวิตบริเวณไหน ในวันที่เท่าไร ไม่อย่างนั้นถ้าพูดรวมๆถึงความสูญเสียแล้วก็มักจะไปทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยเมื่อวาน (17 ก.ค.) ก็ได้บอกทางรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ) ไป ท่านก็จะไปเร่งทำ ซึ่งผมคิดว่ามันจะทำให้ภาพต่างๆเริ่มชัดขึ้นโดยลำดับ และมันจะเชื่อมโยงกับหลายคดีก่อนหน้านี้ที่มีลักษณะของวินาศกรรม มันจะทำให้ภาพชัดเจนขึ้นว่าความโยงใยเป็นอย่างไร ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว