มาร์คปูดมีคนจ้องป่วนปลายปี53 ซัดพวกเห็นแก่ประโยชน์ตัวไม่รับปรองดอง

ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (ช่อง 11 ) ถนนวิภาวดีรังสิต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมาหลายชุดเพื่อดำเนินการตามนโยบายสร้างความปรองดองว่า บางทีเราจะไปสรุปเรื่องการปฏิรูปและการปรองดองว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เลยก็คงไม่ได้ เพราะสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือเรารู้ว่าบ้านเมืองต้องมีการปรับเปลี่ยนในหลายๆเรื่อง และหลายเรื่องเป็นเรื่องของโครงสร้างด้วย ซึ่งเรารู้ว่าการจะปรับเปลี่ยนให้สำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมายได้นั้นต้องเขิญทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเป็นหัวใจในขณะนี้ แต่การจะให้มีคำตอบสำเร็จรูปนั้นคือปัญหาที่สร้างขึ้นมาในอดีตว่าคนกลุ่มนั้นจะไปยัดเยียดความคิดให้คนกลุ่มนี้ ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่ายังสับสนหรือยังไม่เข้าใจ แต่ตนเข้าใจว่าแม้ตัวคณะกรรมการเองก็ยังไม่ได้มีคำตอบทั้งหมด แต่เพิ่งเริ่มต้นทำงานเพื่อให้คนทั้งประเทศมาหาคำตอบร่วมกัน ซึ่งนั่นเป็นความหมายของการปรองดองที่จะเกิดขึ้น

"ผมให้กำลังใจทุกท่านที่อาสาตัวเข้ามา เพราะจริงแล้ว แต่ละคนถ้าอยู่เฉยๆ ส่วนใหญ่ก็เรียกได้ว่าสบายแล้ว ผมมั่นใจว่าที่ทุกท่านตัดสินใจเข้ามา ก็เพราะความห่วงในอนาคตของบ้านเมือง และด้วยการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ในฐานะที่เป็นคนที่ได้ประสบความสำเร็จ หรือได้มีโอกาสที่สังคมได้หยิบยื่นให้มาตลอด ใจผมจึงอยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือและให้กำลังใจ การที่จะไปปฏิเสธหรือโจมตีท่านเหล่านี้มันทำง่าย แต่คำถามคือท่านเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์ส่วนตัวอะไรเลยที่เข้ามาทำงาน ดังนั้นเราจึงควรให้กำลังใจคนเหล่านี้มากกว่า" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศที่จะออกมาช่วงปลายปีนั้นจะสามารถขับเคลื่อนได้จริงหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราหวังว่าในช่วงปลายปี 2553 ทุกอย่างจะชัดเจนมากขึ้นว่าแต่ละส่วนจะเดินหน้ากันอย่างไร  ซึ่งจะเป็นคำตอบในการแก้ไขปัญหาการเมืองได้พอสมควร

"ผมไม่กล้าพูดว่าจะแก้ไขได้ทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่า มีคนบางกลุ่ม ที่ไม่ได้คิดเรื่องบ้านเมือง แต่คิดเรื่องประโยชน์ของกลุ่ม และตรงนั้นจะหาคำตอบสำหรับบ้านเมืองอย่างไร ถ้ามันไม่ไปตอบโจทย์ส่วนตัวหรือกลุ่มของเขา ก็คงไม่ยอม ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจ และพยายามทำให้สังคมทั้งสังคมมองเห็นว่าอะไรที่เป็นปัญหาของส่วนรวมนั้นเรามีกลไกที่จะแก้ไขอยู่ และไม่ควรที่จะมาใช้วิธีการรุนแรงหรือการเผชิญหน้ากันอีก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าเมื่อถึงปลายปี 2553 แล้วสถานการณ์การเมืองจะนิ่ง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมยืนยันว่ามันมีคนบางกลุ่มไม่อยากให้นิ่ง จนกว่าตัวเองจะได้ตามสิ่งที่ต้องการ ซึ่งเราคงไปบังคับจิตใจเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่เราต้องแสดงให้เห็นว่าลำพังคนที่คิดถึงประโยชน์เฉพาะกลุ่มมันมีน้อย เพียงแต่ไปอาศัยเงื่อนไขอื่นมาเป็นแนวร่วม เราก็ต้องพยายามบอกว่าปัญหาอื่นๆที่เป็นปัญหาส่วนร่วมนั้นไม่ต้องกังวล เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดนี้ ชุดต่อไปหรือกลไกต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมานั้นจะช่วยดูแลให้ อย่าไปเป็นเครื่องมือของคนที่เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ของกลุ่มเลย”

เมื่อถามว่าจะสกัดคนที่เคลื่อนไหวได้หรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็ทำเต็มที่ แต่อยู่ที่สังคม

หากมีความเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบบาลพยายามทำคืออะไรมันก็จะง่ายขึ้น ซึ่งตนจะต้องไปพูดคุยกับองค์กรเอกชนและสื่อสารมวลชนให้มากขึ้น หากคิดว่ารัฐบาลทำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือไม่ถูกหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ก็ขอให้มาแลกเปลี่ยนกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด

เมื่อถามว่า การเดินสายพบสื่อมวลชนเรื่องการปฏิรูปประเทศและการสร้างความปรองดองของรัฐบาลจะถูกครหาว่าเป็นความพยายามแทรกแซงสื่อสารมวลชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่แทรกแซงแน่นอน เพราะประวัติการทำงานของตนไม่เคยมีเรื่องแทรกแซง และก็ได้ย้ำว่า การจำกัดสิทธิในภาวะฉุกเฉินนั้นก็มุ่งในเรื่องของสื่อที่จะนำไปสู่ความรุนแรง แต่ทุกวันนี้สื่อก็สามารถแสดงความคิดเห็นที่เป็นลบกับรัฐบาลได้ และเมื่อเปิดหนังสือพิมพ์ดูก็จะเห็นได้ ดูโทรทัศน์ก็จะเห็นเยอะแยะไป ที่สามารถแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาและตำหนิรัฐบาลได้ จึงไม่มีกรณีการจำกัดพื้นที่ทางการเมือง และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็จะเปิดพื้นที่ทางการเมืองเพิ่มขึ้นให้อีก แต่ถ้าสื่อไปยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถบริหารจัดการภายใต้ภาวะปกติได้

เมื่อถามว่าการเดินสายพบสื่อนั้นหวังประโยชน์อะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็จะมีโอกาสแลกเปลี่ยน เพราะบางเรื่องอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือมีมุมมองที่บางฝ่ายมองไม่เห็น ก็จะได้มีการแลกเปลี่ยนกัน แต่จะไม่ก้าวก่ายการทำงานของสื่อสารมวลชนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าการจะเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อของรัฐนั้นจะกลายเป็นยื่นดาบให้อีกฝ่ายมาแทงรัฐบาลหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่ติดใจหากจะมีการเอาข้อมูล ข้อเท็จจริง เรื่องนโยบายที่แตกต่างมาพูดแล้วเป็นผลเสียกับรัฐบาลนั้นเป็นสิทธิและควรมีพื้นที่ให้ แต่ผมอยากบอกว่าพื้นที่แบบนี้ควรมีให้กับทุกคน แต่จะไม่มีพื้นที่ให้คนไปยั่วยุ ให้คนไปฆ่าฟันกันหรือเผาบ้านเผาเมือง ไม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องมาช่วยกันทำให้เกิดภาวะทุ่ทกคนสามารถใช้พื้นที่ต่างๆด้วยความรับผิดชอบและสร้างสรรค์ สำหรับฝ่ายค้านก็ควรมาใช้พื้นที่อย่างสร้างสรรค์ เช่นการมาบอกว่ารัฐบาลขณะนี้บริหารงานทางเศรษฐกิจผิดพลาดหรือน่าที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดทางการเมืองตรงไหนอย่างไร ที่เป็นเหตุเป็นผลก็พูดได้ แต่อย่ายุให้คนใช้ความรุนแรง" 




เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์