พท.ตั้งกรรมการตามติดทุจริตรัฐบาล

ตั้งกรรมการคตร.ตามติดทุจริตรัฐบาล ส่งพลอาสา 1 แสนคนเกาะติดกำลังศอฉ.และกอ.รมน.ลงพื้นที่ทุกจุด

ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีมติแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล (คตร.) ด้วยเหตุผลสองเรื่องคือ
 
1.สืบเนื่องจากการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากได้เห็นการทุจริตหรือความพยามทุจริตอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีองค์กรที่จะติดตามการทำงานของรัฐบาล
 
2. ขณะนี้รัฐบาลมีท่าทีจะบริหารประเทศไปเรื่อยๆ โดยไม่มียางอาย ใช้อำนาจเกินเลย ดังนั้นการที่รัฐบาลแสดงความชัดเจนว่าจะอยู่อย่างยาวนาน พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องมีโครงสร้างของฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะรวบรวมหลักฐานการกระทำผิดและแจ้งให้ประชาชนได้ทราบเป็นระยะๆ 

นายปลอดประสพ กล่าวว่า กรรมการ คตร.จะมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน และมีสมาชิก 40 คน ประกอบด้วยส.ส.และกรรมการบริหารพรรค  โดยจะแบ่งเป็น 3 ชุด คือ
 
1.ด้านเศรษฐกิจ
 
2.สังคม และ

3.ด้านการเมืองซึ่งจะรวมด้านต่างประเทศและความมั่นคงอยู่ด้วย นอกจากนี้จะได้มีการจะมีการเชิญอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทั้ง 111 คนของพรรคไทยรักไทย และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน มาเป็นที่ปรึกษา  โดยกรรมการจะทำงานต่อเนื่องและสรุปผลประชุมในทุกวันพุธ โดยจะเอามติ ครม.มาวิเคราะห์และแสดงความเห็นในฐานะฝ่ายค้าน สำหรับการติดตามจะแบ่งเป็นสองระดับคือระดับรัฐมนตรีและระดับกระทรวง อย่างไรก็ตามฝากขอเตือนไปยังรัฐบาลว่า ขออย่าโกงอีก และอย่าโกรธเพราะจะถูกเปิดโปงทุกวัน

นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ตามที่ศอฉ.และกอ.รมน.จะส่งชุดปฎิบัติการประมาณ 2 หมื่นนายลงพื้นที่ชี้แจงกับประชาชนเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง โดยจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ขอบอกว่าพรรคเพื่อไทยเราไม่ได้โง่ แต่เราเข้าใจเจตนาและเบื้องหลังเรื่องนี้ดี เหมือนสมัย คมช.ใช้ทหารไปชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแต่เบื้องหลังเป็นการเมือง หากกำลังพลชุดนี้จะลงไปหาเสียงให้กับรัฐบาล ไปพูดจาตำหนิฝ่ายค้านอีก ก็จะได้เห็นดีกัน  เพราะพรรคเพื่อไทยได้จัดกำลังพลอาสาสมัครประชาธิปไตยจำนวน 1 แสนคน ท่านไปที่ไหนเราจะไปด้วยขอฟังด้วย ถ้าท่านพูดแล้วเป็นเรื่องจริงจะเฉยๆ แต่ถ้าไม่จริงจะค้านกันต่อหน้า และอย่ามากล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยร่วมมือกันกับเสื้อแดง เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เสียหายเนื่องจากเป็นการจับมือเรื่องประชาธิปไตย.