ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)
พร้อมด้วยคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อให้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ถึงแนวทางการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ด้วยวิธีการขึ้นรถแห่ โดยมีคำขวัญว่า "เลือกโดยไม่ต้องคิด เลือกพนิช เบอร์ 1" และตั้งคำขวัญให้นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยว่า "เลือกก่อแก้ว ก่อกวน ก่อการร้าย หมายเลข 4" โดยขอให้ กกต. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อนมีการประกาศผลการเลือกตั้ง
"การกระทำดังกล่าวของนายเทพไท เป็นการพูดในระหว่างที่มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ให้มีการเลือกตั้งในเขต 6 ถือว่าอยู่ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะของการใส่ร้ายป้ายสีอย่างชัดเจน โดยพูดจูงใจให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่ต้องคิดไตร่ตรอง และพูดให้ร้ายนายก่อแก้วว่าเป็นผู้ที่มีความประพฤติไม่ดี เป็นผู้ก่อการร้ายและเป็นผู้ก่อกวน ทั้งที่ข้อเท็จจริงข้อหาก่อการร้ายนั้นเป็นเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนเท่านั้น ตามรัฐธรรมนูญถือว่านายก่อแก้วยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนการก่อกวนนั้นก็ไม่มีข้อเท็จจริงใดว่านายก่อแก้วเป็นคนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว การกระทำของนายเทพไท จึงน่าจะเป็นการจงใจใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับฟังไม่ลงคะแนนเสียงให้นายก่อแก้ว หรือทำให้เสียคะแนนนิยม และหันไปลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือว่าเป็นการกระทำดังกล่าวทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ย่อมรู้ถึงเหตุการกระทำดังกล่าว เพราะนายเทพไท ดำรงตำแหน่งเป็น โฆษกประจำตัวทำงานใกล้ชิดหัวหน้าพรรค วันนี้นายเทพไทพูดก็เหมือนหัวหน้าพรรคพูด กกต.ต้องพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่หัวหน้าพรรคพูดหรือไม่เพราะอาจเข้าข่ายโทษยุบพรรคได้ตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งยังอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 53(5) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 137 ที่นายเทพไทต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี และยังเป็นเหตุที่จะทำให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์คือนายพนิชถูกร้องคัดค้านการเลือกตั้งได้ด้วย อีกทั้งกรณีดังกล่าวถือเป็นการกลั่นแกล้งนายก่อแก้ว ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่ากระทำผิดกฎหมายโดยปราศจากมูลความจริง จึงมีความผิดในมาตรา 104 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดดังกล่าว
เมื่อถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ปราศัยบนเวทีกล่าวหานายพนิชว่าเป็นผู้ช่วยผู้ก่อการร้าย นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นคำปราศรัย และที่ตนมายื่นกกต.วันนี้ก็ทำตามหน้าที่ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะร้องกรณีดังกล่าวด้วยก็ให้ว่าไปตามข้อเท็จจริง