เข้ม68จุดเสี่ยง คลังน้ำมัน หวั่นวินาศกรรม

ศอฉ. สั่ง คุมเข้ม 68 จุดเสี่ยงทั่วกทม. โดยเฉพาะคลังน้ำมัน หวั่น ถูกวินาศกรรม พร้อมกำชับ รปภ. บุคคลสำคัญ และบ้านพัก เผย จันทร์นี้ เคาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อหรือไม่ต่อ...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ค. 2553 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง.ผบช.น.)

พร้อมด้วย พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดย พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวถึงกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธสงคราม อาร์พีจี ยิงเข้าไปยังคลังน้ำมัน ของกรมพลาธิการ จ.นนทบุรี ว่า เรื่องนี้ได้ประสานงานกับพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ ผู้บังคับการ จ.นนทบุรี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานบุคคลไปแล้วจำนวน 9 ปาก และได้ยึดรถหมายเลขทะเบียน วขก.235 กทม. รถคันดังกล่าวเป็นของ นายชาคริต วิไลวรรณ พักอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น และเจ้าตัวได้แสดงตัวเป็นเจ้าของรถ ซึ่งให้การกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อประกอบกับผลการตรวจของ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความคืบหน้าเรื่องการตรวจลายนิ้วมือและตรวจหาสารเกี่ยวกับดินระเบิด ซึ่งแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ยืนยันว่า ผลการตรวจไม่พบ และ จากการสอบสวนของชุดสืบสวนก็ไม่ปรากฏว่า มีพยานหลักฐานใดที่นายชาคริต จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังเชื่อว่า จะมีพยานบุคคลที่มีส่วนรู้เห็น จึงอยากให้มาให้ปากคำ ซึ่งเราจะสืบสวนในทางลับ เพราะเราอยากได้ลักษณะหน้าตา ของคนร้ายให้มากขึ้น ถ้าได้จะขออนุมัติศาลขอหมายจับ

พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า การก่อวินาศกรรมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ครั้งแรกคนร้ายใช้ระเบิดซีโฟร์มาระเบิดเสาไฟฟ้าที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2

คนร้ายใช้เอ็ม 79 ยิงคลังน้ำมันของ ปตท. จ.ปทุมธานี ทั้งหมดนี้ พนักงานสอบสวนพยายามเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ตัวคนร้าย ส่วนจะจับคนร้ายได้วันไหนยังบอกไม่ได้ แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้น พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกผู้บังคับการในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลมาประชุมในวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเร่งรัดและวิเคราะห์สถานการณ์ รวมถึงกำหนดพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงมีทั้งหมด 68 จุด โดยทั้งหมดเป็นคลังน้ำมัน สถานที่เก็บน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจุดพื้นที่เฝ้าระวังต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 2 นาย อยู่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และอนุญาตให้ใช้ปืนยาวประจำตัว หากตรวจพบหรือเผชิญหน้าให้ใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อระงับยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ส่วนที่ดำเนินการไปแล้วเกี่ยวกับบ้านพักบุคคลสำคัญ เช่น บ้านพักนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่สำคัญ บ้านพักประธานศาลฎีกา และสถานที่ราชการ เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา รวมถึงคลังน้ำมัน ประปา ไฟฟ้า รวมถึงสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และ เป็นเป้าหมายฝ่ายตรงข้ามที่จะก่อวินาศกรรม

พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการสืบสวนจับกุมคดีตามหมายจับ ฉฉ. ได้ 2 ราย

คือ นายยงยุทธ ท่วมมณี อายุ 54 ปี เป็นผู้ติดตาม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เรียกได้ว่า เป็นเงาตามตัวของ เสธ.แดง ซึ่งจับกุมได้ที่ ถนนเพชรเกษม 28 เขตภาษีเจริญ กทม. 2.นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ซึ่งทั้ง 2 คนได้ส่งตัวไปที่ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 คลอง 5 จ.ปทุมธานี เพื่อควบคุมตัว นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้วางเพลิง เช่น จ.ขอนแก่น และ อุดรธานี มีการจับกุมเพิ่ม 14 ราย รวมสัปดาห์ที่ผ่านมาจับกุมคนร้ายได้ 16 ราย เป็นหมายจับ ฉฉ. 2 ราย หมายจับคดีอาญา 14 ราย


เมื่อถามถึงกรณีที่ตำรวจกัมพูชาออกมาปฏิเสธว่า คนร้ายที่เกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดที่พรรคภูมิใจไทยที่ชื่อว่า อ้อกับอาย ไม่ได้หนีไปที่ประเทศกัมพูชา

พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า เป็นคำพูดของเขา แต่การสืบสวนของตำรวจเป็นอีกส่วนหนึ่ง เขาจะพูดอย่างไรก็พูดได้ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกัมพูชากับไทยยังดีไม่มีปัญหาอะไร และหากหลบหนีไปจริงตำรวจไทยสามารถประสานขอตัวจากกัมพูชาได้ไม่มีปัญหา ส่วนแกนนำที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตลอดทุกมิติ ทุกวิถีทาง หากมีความเคลื่อนไหวก็สามารถติดตามได้ แต่ตอนนี้ยังหยุดนิ่งอยู่

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง

ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เคยหารือในที่ประชุม และที่ประชุมเห็นตรงกันว่า จะพยายามลดพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ให้ได้มากที่สุด แต่มีเงื่อนไขประการหนึ่ง คือ เมื่อลดลงแล้วประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องคงอยู่ ไม่มีผลให้การดำเนินคดีหรืออะไรก็แล้วแต่ ลดประสิทธิภาพลง ซึ่งขณะนี้เรายังมีเวลาที่จะนำเสนอรัฐบาลให้ทันภายในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ก.ค.นี้

“ในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.นี้ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขาธิการ ศอฉ.จะจัดลำดับหัวข้อสำคัญต่างๆในการพิจารณาว่า จะต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ เพราะข้อมูลเดิมเป็นเพียงร้อยแก้ว และ นายสุเทพ ให้กลับไปกำหนดเป็นหัวข้อสำคัญๆ เพื่อให้ได้น้ำหนักในแต่ละข้อ ซึ่งวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.นี้จะได้ข้อชัดเจนในระดับหนึ่ง และ วันจันทร์ที่ 5 ก.ค.นี้ จะได้ข้อสรุป เพื่อนำเสนอรัฐบาลต่อไป ซึ่งเราเกรงว่า หากได้ผลสรุปเร็วจะทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์” โฆษก ศอฉ. กล่าว

เมื่อถามว่า ห่วงการก่อวินาศกรรมในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือไม่

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีการพูดกันในที่ประชุมว่า มีความเชื่อมโยงถึงกันทุกพื้นที่ที่เกิดเหตุ ไม่ได้หมายถึงเกิดที่จังหวัดใดแล้วจะจบที่ตรงนั้น เพราะทุกเครือข่าย ทุกพื้นที่เชื่อมโยงถึงกันหมด ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของบุคคลสำคัญนั้น บุคคลสำคัญต่างๆ ทุกคนคงปฏิบัติภารกิจเหมือนเดิม ไม่มีการลดภารกิจลง ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รปภ.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวว่า ถังน้ำมันของกรมพลาธิการที่ถูกยิงระเบิดเป็นเพียงถังเดียวในทั้งหมด 11 ถัง ที่ไม่มีน้ำมันนั้น ขอเรียนว่าจากการตรวจสอบพบว่าใน 11 ถัง มีน้ำมัน 4 ถัง ไม่มีน้ำมัน 7 ถัง

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์