ศึกแห่งศักดิ์(สี) ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย แพ้ไม่ได้!!

ดีเดย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 6 จะได้เดินทางไปลงรับสมัคร ส.ส.อาสาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่บึงกุ่ม คันนายาว คลองสามวา และ หนองจอก เป็นวันแรก ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดรับไว้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.-1 ก.ค. 2553  

ถึงเวลานี้มีผู้ที่ประกาศตัวชัดเจนเพียง 2 คน จาก 2 ค่าย ได้แก่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ จากค่ายประชาธิปัตย์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง จากพรรคเพื่อไทย ส่วนอีกพรรคหนึ่งที่มีการประกาศส่งผู้สมัครลงชิงแข่งขันครั้งนี้ คือ พรรคการเมืองใหม่ ออกมาประกาศชัดว่าจะส่ง พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ แต่เพียงข้ามคืนเท่านั้น ทั้งผู้บริหารพรรค และเจ้าตัว ต่างก็ดาหน้าออกมากลับลำไม่ก้าวสู่การแข่งขันในเวทีนี้ โดยให้เหตุผลอย่างพลิ้วๆ ว่า "ไม่อยากแข่งขันกับผู้ก่อการร้าย"

แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คน ทั้งนายพนิช และนายก่อแก้ว ได้มีการประกาศว่าจะเดินทางไปลงสมัครตั้งแต่ช่วงเช้าของวันแรก คือวันที่ 28 มิ.ย.นี้เลย สำหรับรายหลังแม้ว่าจะติดขัดทางเทคนิคนิดหน่อย เนื่องจากถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ (คลองเปรม) แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าได้ให้ทนายความ ไปยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อให้ลงสมัครเลือกตั้งครานี้

ศาลเองก็ไม่ได้ขัดข้องโดยมีคำสั่งว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งถือเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

อีกทั้งนายก่อแก้ว เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา จึงอนุญาตให้เดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 กทม.ได้ ซึ่งในวันนี้เราจะได้เห็นการลงสมัครรับเลือกตั้งที่แปลกแตกต่างจากการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งที่เคยมีมา เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำมือฉมัง  ควบคุมตัวผู้สมัคร ส.ส.มาลงสมัครรับเลือกตั้งถึงที่ และพอสมัครเสร็จก็จะควบคุมตัวกลับเรือนจำ ปล่อยให้เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ช่วยกันหาเสียง ชูนโยบายให้

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเลือกตั้งที่ธรรมดาแน่นอน ว่ากันว่าเป็นการช่วงชิงกันในเชิงสัญลักษณ์ เป็นการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลากหลายว่ากันว่าเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดง มีเจ้าของพื้นที่อย่าง "เจ๊หน่อย" สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และวิชาญ มีนชัยนันท์ แกนนำ ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย ในขณะเดียวกันทางฝั่งของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้น้อยหน้า แบ่งเสียงในเขตนี้มาได้อย่างต่อเนื่อง

และความเป็นการเลือกตั้งซ่อม แทนนายทิวา เงินยวง ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสียชีวิตลง

ดูเหมือนว่าความเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมของนายทิวา จะสร้างความได้เปรียบให้นายพนิช ไม่น้อย สำหรับนายพนิช เองนั้น ดีกรีไม่น้อย โปรไฟล์ก็เยี่ยม เคยเป็นรองผู้ว่า กทม. สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน สมัยเป็นผู้ว่าฯ และผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เคยทำงานดูแลเรื่องการเงินการคลัง ขนส่งสาธารณะ น้ำท่วม ลอกคูคลอง และแกะรอยตามติด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวยง

จบการศึกษาปริญญาตรี รัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอสตัน ปริญญาโท จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศนียบัตร หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยากรตลาดทุน (ตลท.) รุ่น 6  จึงไม่แปลกที่ได้รับการผลักดันจากนายอภิรักษ์โกษะโยธิน, นายกรณ์ จาติกวณิช และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระดับบิ๊กของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รับการไว้วางใจจากประชาชนในเขตพื้นที่นี้หรือไม่ คงได้รู้กันในวันที่ 25 ก.ค.นี้

ส่วนนายก่อแก้ว ก็ใช่ย่อยว่ากันว่าได้ไฟเขียวมาจากนายใหญ่ของพรรคเพื่ือไทย และผู้ใหญ่ในพรรค

เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ยามนี้ ต้องใช้คนให้เป็น เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มีนัยไม่ธรรมดา เพราะหลังจากตัวเต็งคนแรกอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่สามารถลงสมัครได้ เพราะติดคุณสมบัติ ไม่ได้ศึกษา หรืออยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องกัน 5 ปี ดังนั้นคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือ "ก่อแก้ว"

นายก่อแก้ว ทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน อยู่กับนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมต่อสู้ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นถึงระดับแกนนำแนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เริ่มแต่ต้นหลังจากที่มีการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายวีระ มุสิกพงษ์ ฯลฯ

จบการศึกษาปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ (เกียรตินิยม) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง ปริญาโทบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

นอกจากพลังขับของบิ๊กเพื่อไทยแล้ว ประชาชนในพื้นที่การเลือกตั้ง 6 นี้ ว่ากันว่าได้รับแรงสนับสนุนจากคนเสื้อแดง และให้การยอมรับนายก่อแก้วไม่น้อย

ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้ดุเดือดแน่ ขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง เฝ้าระวังจับตาให้ดี อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดได้ เพราะนี่คือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา จะเรียกว่าศึก "ศักดิ์ศรี" ที่ต่างก็ "แพ้" ให้กันไม่ได้ !!!