สมบัติ´ ที่ต้องคืนเจ้าของประเทศ!?

ในช่วงที่เดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนสมัยพิเศษที่ประเทศจีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีแห่งการสถาปนา เพียงแต่ว่าคราวนี้ ´ผิดคิว´ ไปหน่อยเท่านั้น

เพราะคนในข่าวตอนแรกระบุว่า

เป็นอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ขอเจรจากลับประเทศไทย แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นนายกฯ สิงคโปร์ นั่นคือนายลี เซียน หลุง...

ของบริษัทครอบครัวอดีตนายกฯ ประเทศไทย ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เค้เก้พลัดตกเก้าอี้ ´นายกรัฐมนตรี´ ต้องระเห็จไปอยู่ไกลถึงประเทศอังกฤษโน่น เพราะว่าการซื้อ-ขายหุ้นล็อตนี้ ส่งผลให้ปัญหาการเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ ก็พลัน ´บานปลาย´

หลังจากสังคมเริ่มสงสัยว่าการซื้อ-ขายหุ้น ถูกต้อง โปร่งใสหรือไม่?

แต่เมื่อไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ทั้งเรื่องการไม่เสียภาษีและการตั้งบริษัทกุหลาบแก้วเป็น ´นอมินี´ หรือตัวแทนคนไทยเป็นผู้ถือหุ้น เพื่อเลี่ยงกฎหมายไทย...

และเมื่อถูกโค่นล้ม ก็ย่อมแน่นอนว่าจะต้องมีการ ´เช็คบิล´ จากฝ่ายที่ยึดอำนาจ เมื่อเป็นอย่างนี้การซื้อ-ขายหุ้น ´ชินคอร์ป´ จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวน ทั้งวิธีการซื้อ-ขายที่เข้าข่าย ´นอมินี´

หรือกระทั่งเรื่องการไม่เสียภาษีที่ตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่สรรพากรให้ความช่วยเหลือ!?

แต่ธรรมชาติพ่อค้า-นายทุนหน้าด้านนั้นไม่เคยยอมแพ้ ´อะไร´ ง่ายๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องใช้กล หรือเวทมนตร์เป็น ´ตัวช่วย´ ตามแบบที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว

นั่นคือพยายาม ´วิ่งเต้น´ คลี่คลายปัญหาต่างๆ ไม่เว้นกระทั่งการทำเรื่องไม่ถูกต้องให้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ประเทศจีนนั้น ถึงขนาดจะตั้ง ม.ร.ว.ทองน้อย ทองใหญ่ ให้เป็นที่ปรึกษาสำนักงานเทมาเส็ก สาขาประเทศไทย ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่เลยทีเดียว แต่ก็ต้อง ´แห้ว´ เลิกคิด เมื่อมีแถลงการณ์จากกองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า...

"ทาบทาม ม.ร.ว.ทองน้อย ทองใหญ่ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายองค์กร สำนักงานเทมาเส็กที่จะตั้งขึ้นในประเทศไทย โดยระบุว่า ม.ร.ว.ทองน้อย ทองใหญ่ ดำรงตำแหน่งราชเลขานุการ

และที่ปรึกษาส่วนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตลอดจนทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ปี 2543 นั้น ข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อน ผิดจากความเป็นจริง

ไม่ได้รับการพิจารณาต่ออายุราชการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองราชเลขาธิการ แต่ทรงพระเมตตาจ้างไว้เป็นลูกจ้างท้ายที่นั่งกองกิจการ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามความชำนาญ คือ งานแปล และร่างเอกสารภาษาอังกฤษ และโปรดเกล้าฯ ให้ทำงานหนังสือบ้างเป็นครั้งคราว ฯลฯ

"ชอบกล่าวอ้างพระบารมีคุ้มเกล้าในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เป็นนิจ และดำเนินการต่างๆ อย่างมีเลศนัย ไม่โปร่งใส จึงเป็นที่ไม่พอใจของผู้ที่ได้ร่วมงานในทุกระดับ"

การพบปะเจรจาระหว่างนายกฯ สิงคโปร์กับไทย จึงได้รับการปฏิเสธให้ความช่วยเหลือจากนายกฯ ไทยอย่างนิ่มนวล โดยข้ออ้างว่าเรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในการดำเนินการทางกฎหมาย พูดง่ายๆ ก็คือ เรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลไทยจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้

ซํ้าร้ายกว่านั้นยังดูเหมือนว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ผิด และยังเสียค่าโง่ซ้ำซาก หลังจากที่เสียค่าโง่ซื้อหุ้นชินคอร์ปมาแล้วครั้งหนึ่ง

แน่นอนว่านายกฯ สิงคโปร์คงจะเสียหน้า และผิดหวังไม่น้อย

หลายวันต่อไปนี้ คงจะมีข่าวเด็ดๆ ที่คงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้นำไทย รวมทั้งประเทศไทยติดตามมา โดยเห็นได้จาก ´ข่าวปล่อย-ข่าวลือ´ ต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้

นอกจากจะใช้วิธีที่ถูกต้อง ´โปร่งใส-ชอบธรรม´ นั่นคือ ´เทมาเส็ก´ จะต้องยกเลิกการถือหุ้นของนอมินี โดยยอมขายหุ้นชินคอร์ปในส่วนที่เกินจากกฎหมายกำหนด คืนให้กับคนไทย เพื่อลดสัดส่วนถือหุ้นลงมาเหลือร้อยละ 49

แต่ถึงแม้นจะทำได้อย่างนั้น

ก็เพียงหนีความผิดในด้านกฎหมายได้เท่านั้นนะครับ แต่ความสัมพันธ์ดีๆ กับคนไทย ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนเดิม.