"กรณ์" แก้เกมกมธ.การเงินเรียกสอบปั่นหุ้นไทยคม จี้ให้เรียกตัว "พร้อมพงศ์-ประเกียรติ" โชว์หลักฐานอินไซเดอร์ หวั่นใช้ข้อมูลเท็จทำลายคู่แข่งการเมือง...
วันที่ 22 มิ.ย. 2553 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย
ในฐานะประธานสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการการ เงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎรจะเชิญให้มาชี้แจงถึงการเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 22 มิ.ย.ว่า ยินดีชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ แต่ได้ทำหนังสือแจ้งต่อนายสุรพงษ์ว่า ถ้านายสุรพงษ์ตั้งใจจริงอยากหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ไม่ต้องการใช้เวทีคณะกรรมาธิการฯ เป็นเครื่องมือทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมืองฝั่งตรงข้าม ก็ต้องเชิญนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย มาร่วมสอบด้วย
เพราะทั้งสองคนอ้างว่า มีข้อเท็จจริง หลักฐานอยู่ในมือ และอ้างว่ารู้ชื่อข้าราชการการเมือง และคำนวณว่าทำกำไรจากหุ้นตัวนี้ไปเป็นเงินเท่าใด
ทั้งที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ยังไม่รู้ หากไม่เชิญทั้งสองคนมาแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่พูดมาเป็นการยกเมฆกล่าวเท็จโดยเจตนา เพื่อทำลายชื่อเสียงฝ่ายตรงข้าม
ล่าสุด ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
ได้เข้าหนังสือต่อนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคลัง การเงิน การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา คนใกล้ชิดนายกฯ
กรณีให้ข่าวเรื่องการซื้อหุ้นไทยคม เพราะจากข้อมูลทราบว่าก่อนที่นายกรณ์จะบินไปสิงคโปร์ หุ้นตัวนี้มีการซื้อขายมากผิดปกติ และเมื่อมีการให้ข่าวว่าจะซื้อก็ได้ถีบตัวสูงขึ้นจากปกติซื้อขายสูงสุด เฉลี่ยไม่เกินวันละ 18 ล้าบาท แต่เมื่อการให้ข่าวมีการซื้อขายถึงวันละ 82 ล้านบาท
กรณ์จี้กมธ.การเงินเรียกเด็จพี่โชว์หลักฐานปั่นหุ้น
ทีมเศรษฐกิจของพรรคเห็นว่าน่า จะมีการให้ข่าวมีผลต่อตลาดหุ้น มีลักษณะการใช้ข้อมูลเชิงลึก หรืออินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง หาประโยชน์กับตลาดหลักทรัพย์
โดยใช้นอมินีของนักการเมือง ดำเนินการถือครองหุ้นแทน จึงขอให้กรรมาธิการตรวจสอบสิ่งผิดปกติดังกล่าว นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่มีโอกาสได้ซักถามนายกรณ์โดยตรง เพราะได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการฯว่าเป็นการเรียกชี้แจงคนละประเด็น แต่ขอฝากคำถามถึงนายกรณ์ ว่าการเดินทางไปเจรจากับเทมาเส็กที่สิงคโปร์ไปในนาม ส่วนตัวหรือ มติครม.และ นายกรณ์ ถือเป็นเซียนหุ้นมาก่อน ต้องรู้ว่าก่อนจะให้ข่าวต้องมีการเจรจาจนตกลงกันได้แล้ว และท่านต้องรู้ว่าการให้ข่าวมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์อย่างไร
กรณีที่เทมาเส็ก เสนอให้นายกรณ์ และคณะ เปิดเจรจากับบริษัทชินฯและไทยคม แต่ทำไมถึงไม่ยอมเจรจา ทำไมต้องไปคุยกับเทมาเส็กโดยตรง และสุดท้ายเมื่อซื้อไทยคมกลับมาแล้ว การบริหารจัดการจะทำอย่างไร มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน
ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการฯได้เชิญนายกรณ์ ผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.)และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) จะมีการตั้งประเด็นซักถามข้อมูลว่า การเดินทางไปเจรจาที่สิงคโปร์ ไปในนามมติครม.หรือในนามส่วนตัว ซึ่งการออกมาพูดว่าจะไปซื้อทำให้เกิดความหวั่นไหว มีการเก็งกำไรใน ตลาดหลักทรัพย์ และ กลต.เมื่อได้ยินเรื่องนี้ทำไม ไม่ดำเนินการระงับยับยั้ง หรือแขวนหุ้นไทยคมเอาไว้ก่อน ซึ่งขั้นตอนปกติต้องดำเนินการเช่นนั้น หากชี้แจงไม่ชัดเจน หรือส่อว่าเข้าข้างรัฐบาล ซึ่งถือว่ากลต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ มารยาทของคนที่เป็น รมว.คลังการพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ถือว่าทำให้มี ส่วนได้ส่วนเสีย ปกติเขาจะไม่พูดกัน เป็นจรรยาบรรณของคนเป็น รมว.คลัง และยิ่งนายกฯมาพูดสำทับว่าต้องซื้อให้ได้ ถือเป็นการร่วมดำเนินการนายกรณ์ จึงสงสัยว่าจะเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
เรื่องนี้คณะกรรมาธิการต้องตรวจสอบให้สังคมเห็นว่าท่านเหมาะสมจะเป็น รมว.คลัง ต่อไปหรือไม่ อย่างน้อยพวกแมงเม่าก็จะไม่ตายกันหมด เพราะขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าราคาตกลงมามาก