ยื่นหนังสือจี้มาร์คยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

แจง 5 เหตุสมควรต้องเลิก อ้างถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง พร้อมยื่นหนังสือหน่วยงานระหว่างประเทศ


วันนี้ ( 21 มิ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมคณะยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย

ที่ประชุมได้มีมติทำจดหมายเปิดผนึก ถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะขณะนี้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ การที่รัฐบาลประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินถึงวันที่ 7 ก.ค. 53 และมีแนวโน้มจะต่ออายุการประกาศ พรก. ฉุกเฉินต่อไปอีกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการใช้ พ.ร.ก.เพียงเพื่อประโยชน์ของฝ่ายการเมืองในการปกปิดความผิดของตนเอง ปิดปากประชาชน นักการเมือง รวมถึงสื่อสารมวลชน ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่รัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่ 7 เม.ย. 53 ผ่านมาร่วม 2 เดือนเศษส่งผลเสียต่อ 1.ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน ละเมิดรัฐธรรมนูญ 2. กระทบการลงทุน และ การท่องเที่ยว 3. เป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลที่ใช้กฎหมายกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมือง รวมถึงประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอภิสิทธิ์

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า 4. การใช้อำนาจ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แบบเผด็จการ ระงับบัญชี 83 บัญชีของบุคคล และนิติบุคคล

เข้าตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของนักธุรกิจ นักการเมือง ประชาชนทั่วไป เป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ อันขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 26 มาตรา 30 วรรค 3 การใช้อำนาจลักษณะนี้เป็นการใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของกลุ่มบุคคลผู้ถืออำนาจรัฐ  แล้วอ้างอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินในมาตรา 21 อย่างไร้ขอบเขต ขาดความรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นทั้งในระยะสั้น และระยะยาว อีกทั้งยังขาดการตรวจสอบจากองค์กรซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่นสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

5. จะมีการเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 6 กรุงเทพมมหานคร ซึ่งการที่รัฐบาลยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้เป็นการเลือกตั้งที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ภายใต้บรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การตั้งเวทีปราศรัย ก็จะมีปัญหาผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะคนฟังเกิน 5 คน ก็ผิดพ.ร.ก. การกล่าวถึงผลงานของรัฐบาลที่บริหารผิดพลาดภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายค้าน ในการที่จะรณรงค์หาเสียงก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาจจะถูกกล่าวหาว่าใส่ร้ายรัฐบาลทำ นี่คือการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือทางการเมืองมัดมือชก ปิดหู ปิดตา รวมถึงปิดปาก คู่แข่งทางการเมือง.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์