ครั้งแรกกับการขึ้นเวทีเปิดใจเรื่อง'การเมืองในครอบครัว'สัจธรรมนาทีสุดท้ายของเธอและพ่อที่ข้างเตียงรพ.พร้อมเปิดใจภารกิจลูกสาวที่จะก้าวต่อแทนพ่อ
หลายคนยังจดจำภาพความเข้มแข็งที่ยังยิ้มสู้ในห้วงนาทีเป็นนาทีตาย พร้อมคำพูดที่ว่า “จะเข้มแข็งให้เหมือนคุณพ่อ” ของลูกสาว เสธ.แดง เดียร์-ขัตติยา สวัสดิผล
เมื่อสาวตัวเล็กในชุดเดรสยาวสีดำสนิท ก้าวขึ้นเวทีใหญ่เปิดใจครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนนับร้อย ผู้พูดคนสุดท้ายลำดับที่ 21 จึงกลายเป็นไฮไลต์ของงาน Ignite Thailand (อิกไนท์ ไทยแลนด์) จัดโดยเครือข่ายพลังบวก ที่ลุมพินีสถาน สวนลุมพินี หลายคนรอฟังด้วยใจจดจ่อว่า 5 นาทีต่อจากนี้ เธอจะพูดอะไรในหัวข้อ “การเมืองในครอบครัว”
ลูกสาว เสธ.แดง บอกในวันนั้นว่า เชื่อว่ามีบางคนที่นั่งอยู่ที่นี่ไม่ชอบคุณพ่อของเธอเนื่องจากคุณพ่อเป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับ นปช. แต่อยากขอโอกาสนี้พูดถึงคุณพ่อในอีกแง่มุมหนึ่งของผู้ชายที่ชื่อ เสธ.แดง หรือ พลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ที่มีต่อเธอและครอบครัว แล้วทำไมวันสุดท้ายที่คุณพ่อสิ้นลม ความแตกต่างทางด้านการเมืองถึงไม่ได้มีผลกระทบกับครอบครัวของเราเลย
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วทุกคนคงจำได้ว่าเคยมีข่าวความแตกแยกในครอบครัว เนื่องจากเธอไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ในขณะที่คุณพ่อเป็นผู้ฝึกการ์ดให้กับกลุ่ม นปช.
"แต่เชื่อมั้ยคะว่าเวลากลับมาที่บ้าน เราสองคนพ่อลูกไม่เคยพูดถึงเรื่องการเมืองในบ้านเลย ถึงแม้ว่านอกบ้านจะมีความคิดแตกแยกกันขนาดไหนแต่กลับมาในบ้าน เราคือพ่อลูกกัน"
เมื่อคุณพ่อโดนยิงที่ศีรษะเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.หัวเฉียว ในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะคุณแม่เสียชีวิตไปเมื่อวันนี้ (16 มิถุนายน) เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เดียร์จึงเป็นเพียงคนเดียวที่จะต้องตัดสินใจชีวิตเขาทุกอย่างระหว่างความเป็นกับความตาย
"..เดียร์เชื่อว่าทุกครอบครัวมีความคิดแตกต่างทางด้านการเมือง บางคนพ่อเป็นแดงลูกเป็นเหลืองหรืออะไรก็แล้วแต่ เดียร์ไม่อยากให้ความแตกต่างทางการเมืองมามีผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เพราะสุดท้ายแล้วในวินาทีสุดท้ายของคุณบนโลกนี้ คนข้างๆ คุณหรือคนในครอบครัวคุณนี่แหละค่ะที่เป็นคนตัดสินใจชีวิตคุณระหว่างความเป็นกับความตาย"
คืนวันที่ 13 พฤษภาคมหลังจากคุณพ่อโดนยิง เข้ารักษาที่ รพ.หัวเฉียว คุณหมอถามเดียร์ว่า ต้องการให้รักษาตัวอยู่ที่นี่หรือย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ถ้าหากทิ้งคุณพ่อไว้ที่หัวเฉียวโอกาสคือ 0 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากย้ายคุณพ่อไปที่วชิรพยาบาลมี 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คุณพ่อจะรอด
"ลองคิดดูนะคะว่า ถ้าเกิดเดียร์เอาเรื่องการเมือง ความแตกแยกทางการเมือง ความเห็นไม่ลงรอยกับคุณพ่อมามีผลกระทบกับการตัดสินใจในวันนั้น มันคงมีผลว่าคุณพ่อคงจะต้องเสียชีวิตที่ รพ.หัวเฉียว ไม่ใช่ยื้อชีวิตต่อมาอีก 4 วันจนมาเสียชีวิตที่ รพ.วชิระ"
ถึงตรงนี้ เธอย้ำด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำกินใจว่า อยากฝากข้อคิดนี้ไปถึงครอบครัวที่มีความขัดแย้งทางคิด ท้ายที่สุดแล้วในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เราจะไม่เหลือใครเลยนอกจากคนในครอบครัวที่คอยดูแลเราอยู่ข้างๆ เตียงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่แกนนำ นปช. ไม่ใช่แกนนำพันธมิตรที่จะมาตัดสินว่า คุณควรจะย้ายไป รพ.วชิระหรือไม่
"หลังจากวันที่คุณพ่อเสียชีวิต 17 พฤษภาคม และคุณแม่เสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เดียร์คือคนเดียวที่จะต้องยืนอยู่บนโลกใบนี้ บางคนอาจจะอ่อนแอ หรือท้อแท้ที่ไม่เหลือทั้งคุณพ่อคุณแม่แล้วในชีวิต แต่เดียร์อยากให้ทุกคนคิดว่าเราเองมีชีวิตของเราที่ต้องดำเนินต่อไป และอยากให้ทุกคนนำสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอนที่ผ่านมาทั้งชีวิตของเราเพื่อดำเนินต่อไปในอนาคต เป็นตัวแทนของเขาที่จะก้าวต่อไปในแต่ละวัน เดียร์เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันจะช่วยให้เรายืนอยู่ในโลกนี้ด้วยขาของเราเองอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด"
ลูกสาว เสธ.แดง ทิ้งท้ายบนเวทีวันนั้นว่า สำหรับเธอคุณพ่อได้ก่อตั้งพรรคขัตติยะธรรมเอาไว้ ซึ่งเธอก็จะสืบสานเจตนารมณ์ของคุณพ่อนี้ต่อไปเท่าที่แรงของเราจะสามารถทำได้ เพราะเชื่อว่าความที่เป็นลูกพ่อจะสามารถดำเนินการพรรคการเมืองนี้ต่อไปได้
"แล้วถ้าเกิดใครที่ไม่ชอบ เสธ.แดง เดียร์อยากจะโอกาสนี้ขอโทษแทนคุณพ่อจริงๆ หากคุณพ่อพูดอะไรหรือทำอะไรไม่ถูกใจคนหลายๆ คน แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณพ่อมีเหตุผลส่วนตัว และเดียร์เชื่อว่าคุณพ่อคิดถูก..."