เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง ครบ 1 เดือนการสลายชุมนุม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่า การเมืองยังเหมือนเดิม ไม่มีดีขึ้น และไม่แน่ใจว่า การสร้างความปรองดองจะสำเร็จได้ โดย 48.28% เห็นว่า ความขัดแย้งนั้นมาจากคนบางกลุ่มมองว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกิดความเหลื่อมล้ำของสังคม ขณะที่ 39.65% เห็นว่า ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา คนไทยทุกคนได้บทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้คนไทยเห็นความสงบสุขของบ้านเมืองเกิดขึ้น ส่วน 12.07% เห็นว่าแย่ลง เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ขณะนี้ ไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน
ส่วนเรื่องสภาพการเมืองไทย หลังการสลายการชุมนุมไป 1 เดือน พบว่า 66.93% เห็นว่าเหมือนเดิม เพราะนักการเมืองเป็นไม้เบื่อไม้เมา และมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ตามมาด้วยเรื่องไม่ยอมกัน และเล่นเกมการเมืองกันอยู่ ขณะที่ ร้อยละ 10.26 เห็นว่า ดีขึ้น เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา เป็นบทเรียนสำคัญ
ส่วนเรื่องแผนปรองดอง พบว่า ประชาชนร้อยละ 34.48 ไม่แน่ใจในแผน เพราะกลัวเป็นเพียงกระแสระยะสั้นที่รัฐบาลใช้สร้างกระแสนิยม รองลงมา 25.86% เห็นว่า น่าจะสมหวัง เพราะจากกระแสข่าวที่เห็นว่า ทุกฝ่ายต้องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ขณะที่ 3.45% มองว่า สมหวังแน่นอน เพราะเชื่อว่า คนไทยทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข
ส่วนปัญหาและอุปสรรคต่อการปรองดอง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่ามาจากการแตกแยกทางความคิด มองคนละมุม ความไม่จริงใจ และความเหลื่อมล้ำ ตามลำดับ ซึ่งบุคคลที่ประชาชนเห็นว่า จะช่วยให้ปรองดองสำเร็จ คือ นายกรัฐมนตรี 41.33% รองลงมา คือ นักการเมือง 35.61% และคนไทยทุกคน 13.27%