คมชัดลึก :นายก"อภิสิทธิ์" แนะก.ทรัพยากรฯงัดเทคโนโลยีแก้ปัญหาที่ดิน ที่เป็น 1 ในความเหลื่อมล้ำ
(18มิ.ย.) เวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลแนวเขตที่ดินของรัฐประเภทป่าไม้ ซึ่งจัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯได้บรรยายสรุปถึงสถานการณ์ป่าไม้ในประเทศ
จากนั้นนายกฯ กล่าวกับข้าราชการทส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
อาทิ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่า การสัมมนาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงนโยบายและกระบวนการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจและสังคม ตนเรียนว่าเราทุกคนที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะที่สัมผัสกับประชาชนและทราบว่าปัญหาที่ทำกินและป่าไม้เป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นปมขัดแย้งในหลายพื้นที่ เป็นปัญหาที่สะสมมานาน ทั้งนี้ไม่มีสภาผู้แทนฯยุคไหนที่ไม่หยิบเรื่องนี้มาถกเถียงและแก้ไขปัญหาในประเด็นเดิมๆในป่ารุกคน คนรุกป่า ป่าจะอยู่กับได้หรือไม่ รวมทั้งมีการพิจารณากฎหมายฉบับต่างๆเพื่อจัดการพื้นที่ในแต่ละยุคแต่ละสมัย
อย่างไรก็ตามที่ต้องย้ำคือปัจจุบันปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น เพราะการเติบโตของสังคม เศรษฐกิจ
ซึ่งทุกประเทศในโลกประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงมีความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้นจึงมีความต้องการให้ตอบสนองด้วยการบริหารทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นนับวันปัญหาความขัดแย้งส่วนนี้จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเรากำลังเข้าสู่ยุคที่มีความท้าทายด้านอาหารและพลังงาน
ซึ่งแหล่งผลิตหนีไม่พ้นเรื่องของที่ดิน พร้อมกันไปเราเข้าสู่ยุคที่ว่าหากไม่ใช้ทรัพยากรอย่างสมดุลกระบวนการแก้ไขจะขาดความยั่งยืนและปัญหาจะเข้าขั้นวิกฤติ ดังจะเห็นจากปัญหาสภาวะโลกร้อน ความแปรปรวนของภูมิอากาศ จากการทำลายป่าไม้และต้นน้ำ จนทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือต่ำสุดเมื่อเทียบปี 2535-2537 ทำให้การบริหารจัดการยากลำบาก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และท้าทายกระบวนการในอาคต ซึ่งรัฐบาลและทส.ได้ตระหนักเรื่องนี้จึงมีการปรึกษาหารือและเห็นพ้องกันว่าถ้าปล่อยวิธีการแก้ไขปัญหาที่บางส่วนยังมองมิติเดียว เช่น การจัดที่ทำกิน การอนุรักษ์ป่าไม้ การดูแลสิ่งแวดล้อมในภาพรวม ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงและไม่มีคำตอบที่ยั่งยืนได้ เพราะความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาทำให้ชุมชนขยายตัวแบบไม่ธรรมชาติ ที่จะมีกลุ่มใหม่ๆบุกรุกเข้าไป ซึ่งถ้าเราตอบเชิงหลักการก็ง่ายดี แต่กว่าจะพิสูจน์ว่าใครอยู่ก่อนหลังเวลาที่ทอดไปก็มีกลุ่มใหม่เข้าไปก็เป็นปัญหา
“ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อก็เป็นปัญหาที่นำมาสู่การเรียกร้องการชุมนุม กลายเป็นเงื่อนไขประเด็นของความขัดแย้ง ที่จะกระทบการเมืองและความมั่นคงได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นจุดหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่อยู่ในแผนปรองขณะนี้ด้วย”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายในการหาข้อเท็จจริงเพื่อความยั่งยืน
เพราะกระบวนการที่มีอยู่ในการพิสูจน์สิทธิ์นั้นก็ถูกโต้แย้งอย่างมาก เพราะเส้นแต่ละเส้นที่เขียนลงไปก็คลาดเคลื่อน แตกต่างไม่ตรงกับความเป็นจริงในปัจจับนและยังมีปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามาอีกจำนวนมาก ฉะนั้นหวังว่าสิ่งที่เป็นความคาดหวังของรัฐบาลและประชาชนในการหาข้อยุติเรื่องนี้นั้นต้องเป็นที่ยอมรับโดยการอาศัยเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ แต่ทั้งนี้กระบวนการทางวิทยาศาตร์ก็ไม่ช่วยให้ปัญหาจบได้ เพราะหากขีดเส้นแล้วพบว่ามีการใช้ประโยชน์เกินความเป็นจริงก็ต้องเป็นเรื่องของนโยบายในการหาทางออกต่อไปที่เหมาะสม ซึ่งล่าสุดกำลังจะมีเรื่องของโฉนดชุมชน
มาร์คแนะทส.งัดเทคโนโลยีแก้ปัญหาที่ดิน
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!