ศอฉ.มอบมท.-ตรชงเลิก-ไม่เลิกฉุกเฉิน24มิ.ย.

คมชัดลึก : ศอฉ.มอบ “มท.-ตร-“ชงข้อมูล 24 มิ.ย. เลิก-ไม่เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยอดทำธุรกรรมหนุนแดงเหลือ 83 ราย อ้างจนท.สรุปข้อมูลผิด เตรียมส่งหนังสือแจ้งเรียงตัวให้เข้าแจง 18 มิ.ย.-15ก.ค. สั่งตร.รปภ.เข้มงานศพ “เสธ.แดง” 22 มิ.ย.นี้ ห่วงวุ่น

จากนั้นพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงผลการประชุมศอฉ. 

ที่ประชุมได้หารือใน 3 ประเด็น คือ 1.คณะกรรมการประสานงานเพื่อติดตามเร่งรัดการดำเนินคดี ประกอบด้วย ตำรวจ ดีเอสไอ และ ฝ่ายข่าวของ ศอฉ. ได้รายงานผลการซักถามผู้ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงบทบาทในการชุมนุม รวมถึงการรับรู้เหตุการณ์ความุรนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการการชุมนุมอย่างไร ซึ่งถือเป็นประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน โดยผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกควบคุมตัวไว้ในพื้นที่ค่ายนเรศวร พื้นที่ตชด.ภาค 1 และค่ายอดิศร จำนวน 33 คน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า 2.การกำหนดกรอบการปฎิบัติงานบางเรื่องที่จำเป็นใน 3 เรื่อง

คือ 1.ธุรกรรมทางการเงิน ที่จากเดิมมีจำนวน 152 ราย เหลือ 83 ราย มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 8 ชุด เพื่อที่จะรองรับการเข้ามารายงานผลของผู้ถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายนเป็นต้นไปถึงวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ แต่อาจผ่อนปรนขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณา เพราะบางรายมีธุรกรรมการเงินจำนวนมากมีหลักเป็นพันล้าน จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมหลักฐาน และจะพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายๆไป สุดแล้วแต่บุคคลนั้นจะถูกกำหนดให้มารายงานกับคณะกรรมการชุดไหน โดยคณะกรรมการจะผ่อนปรนตามความเหมาะสม ตามจำนวนหลักฐานกับจำนวนเงินที่มี เรื่องที่ 2 คือในวันที่ 24 มิถุนายนนี้กองทัพภาคที่ 1 สตช. และกระทรวงมหาดไทย จะจัดทำข้อพิจารณาต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อเตรียมนำเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ โดยจะทำเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียแนวทางความเหมาะสมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่าควรจะมีหรือยกเลิก หากยกเลิกจะยกเลิกพื้นที่ใดบ้างหรือพื้นที่ใดควรมีต่อไป และเรื่องที่ 3 ศอฉ. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาชุมชนเสริมสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ โดยจะดำเนินการในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ศอฉ.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ประเด็นที่ 3 ที่ประชุม ศอฉ.เป็นห่วงงานศพของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มิถุนายนนี้

เนื่องจากอาจจะมีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก ศอฉ.มอบหมายให้ สตช. รับผิดชอบในการอำนวยความสะดวก เพราะวัดโสมนัสคับแคบ ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยให้ เมื่อถามว่า เหตุใดรายชื่อผู้ต้องสงสัยในการทำธุรกรรมการเงินจึงลดเหลือ 83 คน จากเดิมที่เคยแถลง 86 คน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เกิดความผิดพลาดจากการรายงานของเจ้าหน้าที่เมื่อครั้งที่แล้ว แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการลบชื่อใครออกไปแต่อย่างใด ส่วนแนวทางในการ ซักถามบุคคลที่จะมารายงานตัวนั้น ไม่ได้ชี้ในลักษณะว่ายอมรับผิดไม่ยอมรับผิด แต่ทุกคนจะให้ข้อมูลตามหัวข้อต่างๆ ของคณะกรรมการที่ซักถามแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าซักถามอย่างไร ส่วนสถานที่ในการให้เข้ามาชี้แจงนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า จะใช้สถานที่ใด

เมื่อถามว่า จะตรวจสอบหรือไม่ว่า มีการนำเงินไปใช้อย่างไรหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จากที่ประชุม ศอฉ.ครั้งที่ผ่านมา

ทางป.ป.ง.จะประสานกับธนาคารเพื่อรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง 9 เดือน โดยมีรายละเอียดการทำธุรกรรมการเงินของแต่ละรายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบางกรณีคณะกรรมการตั้งข้อสงสัยว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามคณะกรรมการไม่ได้ฟันธงว่าเขาผิดหรือไม่ผิด เพียงแต่เปิดโอกาสให้เขามาชี้แจงว่า สิ่งที่เราสงสัยว่า มีข้อมูลนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเพื่อให้เขานำหลักฐานในการใช้เงินมาชี้แจง ทั้งนี้คาดว่ารายชื่อทั้งหมด 83 ราย ทางป.ป.ง.คงจะแจ้งให้เจ้าตัวได้รับทราบว่า ใครจะต้องมาชี้แจงคณะกรรมการชุดไหน ส่วนที่เหลือคงจะมีการออกหนังสือให้พ้นจากการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน โดยทาง ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการยกร่างตัวประกาศคำสั่ง จากนั้นต้องรอ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะผู้รับผิดชอบกลับมาจากต่างประเทศเพื่อลงนามในหนังสือยกเลิกซึ่งหากผู้ใดไม่มาชี้แจงต้องมีความผิดในข้อหาอาจมีส่วนร่วมในการสนับสนับการก่อการร้าย

เมื่อถามว่านายสุเทพ หารือถึงการประกาศนิรโทษกรรมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ได้พูดตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า

เรื่องนี้ไม่ได้เร่งรัดเวลาเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และที่คุยกันไม่ได้หมายความว่าจะมีหรือไม่มี เพียงแต่มอบหมายให้ ดีเอสไอไปดูในรายละเอียด ให้ฟังทุกเรื่องทุกความคิดเห็นให้รอบด้านเพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน มีหลายมุมมองจากหลายภาคส่วนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถฟันธงได้ว่า ควรมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ และไม่ได้มีการกำหนดเวลาว่า เมื่อไร