โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จวก กมธ.ยุติธรรม สภาผู้แทนราษฏร รีดข้อมูลโยงปมที่ดิน โวข้อมูลกล่าวหาเบาหวิว ป้อง “โกเข็ก”เจ้าของที่ อ้างยุค"สมัคร"ทส.เคยลงพื้นที่สอบแล้วไม่ผิด.....
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยกรณีการตรวจสอบที่ดินเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานี ว่า น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่เจอทางตันของข้อมูลแล้ว เพราะมีการใช้ข้อมูลเดิมและพยายามที่จะเชื่อมโยงไปยังบุคคลต่างๆ ให้ได้รับความเสียหาย รวมทั้งใช้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ที่มีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เพื่อฉวยโอกาสเรียกข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ มารีดข้อมูลเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวต่อไป ซึ่งพฤติกรรมชงเองกินเอง และใช้พวกของตัวเองมาเป็นเครื่องมือข่มขู่ข้าราชการและสรุปผลการสอบ โดยจะโยนความผิดให้คนของพรรคประชาธิปัตย์
"เรื่องนี้ ถ้าดูจากข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายจตุพร พรหมพันธ์ุ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง จะเห็นว่าเป็นข้อมูลที่ไร้น้ำหนักเบาหวิว และนายจตุพร ก็ไม่ได้ติดใจเอามาเคลื่อนไหวต่อ ปล่อยให้ลูกกระโล่มาเคลื่อนไหวสร้างภาพเพื่อความอยากดังแทน ส่วนกรณีที่นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ระบุว่านายสามารถ เรืองศรี หรือ (โกเข็ก) ไม่พอใจผมนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะได้คุยกับโกเข็กตลอด และรู้ว่าวันเกิดเหตุโกเข็กก็อยู่ระหว่างการเดินทางจาก จ.เลย กลับ กทม. และได้ติดต่อพูดคุยกันโดยตลอด และมวลชนที่ออกมาต่อต้านคณะทำงานพรรคเพื่อไทยก็เป็นไม่ได้ระบุว่า โกเข็ก อยู่เบื้องหลัง เพียงแต่สันนิษฐานว่า เมื่อโกเข็กถูกพาดพิงจากพรรคเพื่อไทยหลายครั้ง อาจจะทำให้พรรคพวกที่ชอบพอกับโกเข็กแสดงความไม่พอใจแทนก็ได้ ไม่อยากให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ใช้ลูกไม้เดิมๆ โดยใช้วิธียุแยงตะแคงรั่วและเอาโกเข็กเป็นพวก ซึ่งตนเหล่านี้รู้จักนิสัยใจคอโกเข็กน้อยไป เพราะโกเข็กเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับคนพรรคประชาธิปัตย์ และยืนยันกับตนว่าจะไม่ตกเป็นเครื่องมือนักเคลื่อนไหวแบล็กเมลทางการเมืองโดยเด็ดขาด"นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช
ที่มีนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ลงไปตรวจที่ดินของกลุ่มนายทุนบนเกาะสมุยมาแล้วและเห็นว่าไม่สามารถเอาผิด ผู้ใดได้ ก็เชื่อว่าที่ดินเขาแพงก็จะไม่มีความผิดเพราะถ้ามีความผิดจริงก็คงจะไม่รอด สายตาของเจ้าหน้าที่ในขณะนั้นได้ ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยเห็นว่ากรณีเขาแพงมีความไม่ชอบมาพากล ก็ควรจะไปตรวจสอบการถือครองที่ดินของนักการเมืองที่เป็นพรรคพวกของพรรคเพื่อ ไทยด้วย และรัฐบาลก็ไม่ได้หยิบยกกรณีคุณหญิงสุดารัตน์มาแก้เกี้ยว แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ก็ควรจะตรวจสอบทุกกรณีโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทั้งนี้จะขอดูผลการตรวจสอบกรณีเขาแพงที่พรรคเพื่อไทยไปยื่นให้ป.ป.ช.สอบก่อน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้แน่นอน.