เตรียมนัดถก“เฉลิม-สนธิ”กระชับปรองดอง

คมชัดลึก : "คอป."เตรียมนัดถกร.ต.อ.เฉลิม-สนธิ กระชับปรองดอง ยอมรับพบข้อขัดแย้งสูง เผยหลายฝ่ายไม่วางใจกรรมการอิสระ ต้องขยายเวลาสรรหาต่อ ชี้เหตุการณ์ยังกรุ่น

อย่างไรก็ตาม เร็ว ๆ นี้คอป.จะเดินทางเข้าพบบุคคลอีกหลายกลุ่มอาทิ

นายวิฑิต มันตราภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน ส่วนนักการเมืองในส่วนพรรคฝ่ายค้าน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่วนกลุ่มคนเสื้อเหลืองยอมรับว่าอาจมีอุปสรรคในการเข้าพบเนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระแสต่อต้านแผนปรองดองของรัฐบาลจากกลุ่มคนดังกล่าว อย่างไรก็ตามคงต้องอาศัยสื่อมวลชนเป็นผู้ประสานเพื่อกระจายข่าวถึงความต้องการความร่วมมือของคอป. จากนั้นจะพิจารณากระแสตอบกลับก่อนตัดสินใจเข้าพบหรือไม่อีกครั้ง โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล คือแกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่คอป.เลือกจะเข้าพบเพราะถือเป็นแกนนำที่มีบทบาทสูงสุด

ด้านนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวในฐานะคณะทำงานชั่วคราวร่วมกับนายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.

จากการเดินหน้าพบปะกับกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายในบ้านเมืองเพื่อเดินหน้าสร้างความปรองดอง ซึ่งนายคณิต พบว่าสถานการณ์มีความขัดแย้งและแตกแยกสูง ทำให้หลายฝ่ายไม่ไว้วางใจคณะกรรมการอิสระ จนทำให้การสรรหาคณะกรรมการที่จะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายนั้นทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม คอป.จะไม่ทำตามกรอบเวลาที่ครม.ระบุไว้คือ 15 วัน และจะขอเสนอขยายระยะเวลาออกไปอีกระยะหนึ่ง โดยระหว่างนี้นายคณิตยังต้องหาเข้าพบกับนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากนั้นจะเดินสายรับฟังความเห็นคู่กรณี และเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. และ 19 พ.ค. โดยจะพยายามคุยให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความปรองดอง

นายกิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เชี่ยวชาญเรื่องการสร้างความปรองดองและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั้งใน และต่างประเทศ

และผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่เคยมีประสบการทำงานกับองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เพื่อขอรับฟังความคิดเห็น และประสบการทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นในการดึงผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเข้าร่วมเป็นกรรมการ ส่วนความยากในการแก้ไขปัญหานั้น จากการหารือพบว่าผู้ที่ถูกทาบทามให้เป็นกรรมการค่อนข้างหนักใจ เพราะภารกิจเป็นการปรองดองปัจจุบันซึ่งไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะสงบจริงหรือไม่ แตกต่างจากต่างประเทศที่เป็นการปรองดองความขัดแย้งในอดีตจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าสถานการณ์ภายในประเทศ