มาร์คซัดคนโกงเก่งแต่ถูกยกย่องสังคมรับไม่ได้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมายัง ห้องภาณุรังสี เอ โรงแรมรอยัลริเวอร์ย่านบางพลัด

เพื่อกล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “บทบาทผู้นำการป้องกันและปราบปรามการทุจริต : กลไกการแก้ปัญหาของไทยและมุมมองในระดับสากล” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง(นยปส.) รุ่นที่ 1 ซึ่งจัดโดยสถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการบรรยายนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานปปช. นำกรรมการป.ป.ช.มาให้การต้อนรับ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นไม่ว่าจะเกิดขึ้นในระดับใดก็จะส่งผลต่อความก้าวหน้าของประเทศทั้งสิ้น

เพราะทำลายระบบที่ดีงาม ทำลายสังคม และนำสู่ความเสื่อมเสียนำสู่ปัญหาอื่น แม้มีการพัฒนากลไก เชิงกฎหมายหรือการสร้างองค์กรต่าง แต่ยังพบว่าเป็นรื่องที่ยากที่จะแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่สะสมหมักหมม เป็นปัญหาที่ทำให้สังคมส่วนหนึ่งยอมแพ้ท้อถอยเพราะคิดว่าแก้ไขไม่ได้

“ปัญหาการุทจริตในแวดวงการเมืองระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้นล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเวลา เป็นปัญหาต้นๆที่ทำให้ประชาธิปไตยสะดุด เพราะทุกครั้ง ที่มีการปฏิวัติรัฐประหารคำประกาศของคณะปฏิวัติ จะต้องมีเรื่องการทุจริตในแวดวงการเมือง ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาการทุจริตในระดับล่างระดับผู้ปฏิบัติ คือการรีดไถ เรียกสินบน โดยใช้อำนาจของรัฐ

แม้ตัวเงินอาจจะไม่มาก แต่มีส่วนในการสร้างความรู้สึกไม่ดีนำสู่ความแตกแยกจนเป็นวิกฤติระดับชาติได้ ประชาชนรู้สึกว่าถูกรังแกจากเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผลประโยชน์

"ในสังคมคนโกงมีฐานะ บางคนถูกยกย่องว่า "โกงเก่ง" ซึ่งการทุจริตคอรัปชั่นทางการเมืองของไทย คล้ายหลายประเทศแม้แต่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ สมัยก่อนโกงเพื่อความสุขส่วนตัว แต่พอมีตำแหน่งมีสถานภาพชีวิตก็เปลี่ยนไป และวงจรการทุจริตที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อความสุขส่วนตัว แต่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการต่อยอดอำนาจของตัวเอง เป็นการสร้างบารมี สร้างให้อยู่กับตัวของนักการเมืองเอง และตัวของประชาชน ฉะนั้น เราต้องตัดวงจรตรงนี้ให้หมดไปจากแวดวงการเมือง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว