เทพไท เสนพงศ์ แคลงใจคดีขโมยโน๊ตบุ๊ค ดีเอสไอ สวน เพื่อไทยจัดฉาก จี้ อธิบดีดีเอสไอ ตั้ง กก.สอบสวน...
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทย
ออกมากล่าวหาว่า การทุบรถของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เพื่อขโมยโน๊ตบุ๊ค ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำทุกทางเพื่อที่ให้สำนวนคดียุบพรรคอ่อนว่า เชื่อว่า เรื่องนี้มีการทำงานเป็นกระบวนการ เพื่อจะเชื่อมโยงใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์
โดยพรรคเพื่อไทยเองต่างหากที่พยายามทำทุกวิถีทางที่ให้สังคมเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังเหตุขโมยโน๊ตบุ๊คที่เกิดขึ้น
ซึ่งขอชี้แจงว่า พรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าวและอยากตั้งข้อสังเกตถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า คนร้ายรู้ได้อย่างไรว่า ในรถที่ถูกทุบกระจกมีโน๊ตบุ๊คที่มีสำนวนและข้อมูลเรื่องคดียุบพรรคประชาธิปัตย์อยู่ และเป็นไปได้อย่างไรว่า ข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ผู้รับผิดชอบไม่ก็อปปี้ไฟล์และเก็บสำนวนฉบับจริงไว้ที่สำนักงานดีเอสไอ แต่กลับเอาใส่ไฟล์ลงในเครื่องโน๊ตบุ๊ค
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ที่สำคัญมีการปูดข่าวนี้ขึ้นมาอย่างเป็นระบบเสมือนมีการจัดฉากเพื่อสร้างเหตุการณ์และโยนบาปให้พรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งทางพรรคเองก็ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ คณะกรรมการการเลือกตั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญไปนานแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องทำเช่นนั้น จึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ต้องมีการจัดฉากสร้างละครเพื่อดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมด ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร และเชื่อว่าในกรมดีเอสไอ ยังมีสารตกค้างจากกลุ่มอำนาจเก่าที่ส่งคนของตัวเองไปนั่งในตำแหน่งสำคัญเพ่ือสอดแนมข่าวรับใช้นายใหญ่หรือไม่
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า
พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิชามารโดยมีการกักตัวพยานสำคัญในคดีไว้เพื่อให้มีการกลับคำให้การในชั้นไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต่อสู้ในคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกักตัวพยานตามที่ถูกกล่าวหาแน่นอน และพรรคก็ไม่เคยใช้วิชามารตามที่ถูกกล่าวหา แต่การกระทำของพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเจ้าตำรับของวิชามารตัวจริงเสียงจริง โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูลหรือพูดความจริงครึ่งเดียว และการออกมาเรียกร้องให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่สนองงานนายใหญ่ให้ถอนตัวจากการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะเคยแสดงเจตนาด้านลบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยต้องการให้ทุกคนที่เห็นต่างจากตัวเองให้ถอนตัวจากคดีนี้ ก็เชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะไม่มีใครสามารถเป็นองค์คณะนั่งพิจารณาได้เลย เพราะตุลาการชุดนี้เคยนั่งบังลังค์ตัดสินคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯในคดีชิมไปบ่นไป จนตกจากเก้าอี้มาแล้วทั้งสิ้น
เทพไท จี้ ดีเอสไอ ตั้ง กก.สอบเหตุข้อมูลคดียุบพรรคหาย
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีตุลาการบางท่านเตรียมจะฟ้องกลับผู้ที่กล่าวพาดพิงให้เสียหายนั้น ตนขอสนับสนุนให้ดำเนินการกับคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด
เพราะที่ผ่านมามี ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาพูดจา ดูหมิ่นใส่ร้ายและดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมในหลายครั้ง หลายกรณีแล้ว ก็ควรที่สถาบันศาลและผู้เกี่ยวข้องควรจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฏหมายให้เป็นเยี่ยงอย่างเพื่อให้เกิดความเข็ดหลาบจะได้เลิกพฤติกรรมเสียที
นายเทพไท กล่าวต่อถึง กรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ออกมายอมรับว่าข้อเสนอแนวคิดให้รัฐบาลเปิดเจรจาสันติภาพ เป็นแนวคิดของตนเองไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่น่าเชื่อว่า นายนพดล จะสามารถคิดเรื่องเหล่านี้ได้ น่าจะเป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าเพียงแต่ไม่กล้าออกตัวเสนอหน้าจึงจำเป็นต้องใช้ม้าใช้ให้ออกมาชงเรื่องขายไอเดีย เรื่องนี้กับสังคมแทน ซึ่งผลประโยชน์สุดท้ายก็จะตกกับตัว ของพ.ต.ท.ทักษิณเอง เพราะมีการเสนอว่า ถ้าแผนปรองดองจะประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเจรจาด้วย โดยพยายามที่จะยกระดับแผนปรองดองทั้ง 5 ข้อของรัฐบาลเป็นเรื่องการเจรจาสันติภาพ เหมือนกับในอัฟกานิสถาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จำเป็นต้องมีการเจรจาสันติภาพหรือพีช ทอล์ค ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ชุมนุมของ นปช.รัฐบาลสามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาได้และไม่บานปลายเกิดสงครามกลางเมืองตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ การชงเรื่องให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าเจรจาด้วยนั้น ก็สามารถทำได้แต่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องยอมรับผลการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมของไทยก่อน เพราะศาลได้พิพากษาคดีไปแล้ว และการเจรจาก็ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงฝ่ายเดียว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายนพดล วิจารณ์การตั้ง นายคณิต ณ นครเป็นประธานกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์เดือน พ.ค.และมิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ไม่เป็นกลาง
และควรเป็นหน้าที่ของรัฐสภาแต่งตั้งจะได้รับการยอมรับมากกว่านั้น ตนเห็นว่าเป็นอีกความพยายามที่จะเบี่ยงประเด็นไม่ยอมรับการตรวจสอบมากกว่าเพราะที่ผ่านมา รัฐสภาก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายตรวจสอบเหตุการณ์สงกรานต์เลือดปี 2551 มาแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยเองที่ไม่ยอมรับผลสอบเอง
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำ นปช.ไม่ยอมรับนายคณิตเช่นเดียวกัน
โดยระบุว่า นายคณิตมีความสัมพันธ์กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะกรรมการ ศอฉ.และ นายธาริษเป็นลูกน้องเก่า ขณะที่รับราชการในสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น ตนอยากถามว่า ที่ผ่านมานายธาริต เคยรับราชการในกระทรวงยุติธรรม และเป็นลูกน้องเก่าของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าไม่ใช่สัมพันธุ์อันดีกับคนของพรรคเพื่อไทยหรือ ดังนั้นการจะกล่าวหาใส่ร้ายบุคคลใดว่า มีความสัมพันธ์เป็นพวกใครหรือมีส่วนได้เสียในกรณีใดๆก็ขอให้พิจารณาถึงผลงานการทำหน้าที่เป็นหลักมากกว่าภูมิหลังในอดีตและเชื่อว่านายธาริตจะเป็นคนของใคร แต่วันนี้นายธาริตเป็นข้าราชการที่รักษาระบบนิติรัฐและนิติธรรมที่ดีที่สุดคนหนึ่ง