มาร์ค-ตู่เผชิญหน้ากันในศาล

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
ศาลออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์ครั้งแรกในคดีหมายเลขดำ อ.404/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีนายจตุพร แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายกฯกระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน โดยเป็นนายกฯคนเดียวที่นั่งเก้าอี้เทียบเสมอพระเจ้าแผ่นดินในการถวายรายงานราชการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2552

ทั้งนี้ นายกฯเดินทางมาถึงศาลตั้งแต่เวลา 08.40 น. เพื่อขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรก ด้านนายจตุพร ซึ่งไม่ได้ขออนุญาตสืบพยานลับหลังจำเลยเดินทางเข้าร่วมฟังการพิจารณา ในเวลา 09.15 น. โดยทั้งคู่ไม่ทักทายหรือสบตากัน ขณะที่นายจตุพร นั่งอมยิ้มตลอดเวลาที่อยู่ในห้องพิจารณา

นายอภิสิทธิ์ เบิกความว่าโจทก์เคยสอบถามนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ

จนทราบข้อเท็จจริงว่าที่ผ่านมามีบางครั้งนายกฯต้องนั่งบนเก้าอี้เพื่อถวายรายงานราชการต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเรื่องตามความเหมาะสม พร้อมส่งภาพถ่ายนายสมัคร สุนทรเวช นายบรรหาร ศิลปอาชา และนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯที่เคยนั่งเก้าอี้ถวายรายงานประกอบคำเบิกความ

นายอภิสิทธิ์ เบิกความต่อว่า การเข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานราชการตามภาพที่จำเลยกล่าวหา สำนักพระราชวังได้กำหนดขั้นตอนและพิธีการไว้ทั้งหมด

อีกทั้งเมื่อโจทก์ถวายรายงานเสร็จสิ้น จะก้มลงกราบพระบาททุกครั้ง ดังนั้น การที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์กระทำการมิบังควรตีตนเสมอพระเจ้าแผ่นดิน และไม่เคยมีอดีตนายกฯคนไหนนั่งถวายรายงานราชการ จึงเป็นการกล่าวเท็จ ใส่ร้ายโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

ทั้งนี้ หลังนายกฯ เบิกความแล้วเสร็จ ทนายโจทก์แถลงหมดพยาน ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกในวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 09.00 น.โดยนายจตุพร จะขึ้นเบิกความเป็นพยานจำเลยเป็นปากแรก