กองทัพบก 8 มิ.ย.-สตช.รายงานผลปฏิบัติทั้งการดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วไป
และความคืบหน้าของการดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญาต่อที่ประชุม ศอฉ. เตรียมนำรายชื่อผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์กองสารนิเทศ สตช. พรุ่งนี้ ขณะที่โฆษก บช.น. ระบุพบหลักฐานสำคัญระเบิด M 67 และ RPG ที่เชื่อมโยงกับหลายคดีต่อเนื่องตั้งแต่ 27 ก.พ.-19 พ.ค.53 สั่งสาวต่อใครจัดหาให้และอยู่เบื้องหลัง พร้อมประสานมูลนิธิกระจกเงาขอข้อมูลคนสูญหาย ใครแจ้งเท็จถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แถลงผลประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
วันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง / ผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธาน ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รายงานผลการปฏิบัติการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ระหว่างตำรวจ ทหาร และพลเรือน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ โดยทั่วไปสงบเรียบร้อยดี แม้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมต่าง ๆ ก็เป็นเพียงระดมความคิดเห็น ไม่มีความรุนแรง เจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โฆษก บช.น. กล่าวว่า ในส่วนของ บช.น.ได้รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินคดีสำคัญที่เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และความผิดทางอาญา ที่เจ้าหน้าที่จับกุมนายสายชล แพรบัว ตามหมายจับคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นบุคคลในภาพ ไปยังสถานที่เกิดเหตุจริง ร่วมชุมนุมจริง แต่ขอต่อสู้ในประเด็นวางเพลิง ซึ่งพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะส่งสำนวนต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ศอฉ.สั่ง สตช.หาแหล่งที่มา ผู้อยู่เบื้องหลังอาวุธสงครามที่จับมาได้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า บช.น.ได้รายงานการขยายผลเพิ่มเติมจากการจับกุมนายโชคอำนวย หรือโชค สุรการ การ์ด นปช. ที่ถูกจับวันที่ 17 พฤษภาคม 2553
เนื่องจากมีอาวุธปืนปากกา และเอกสารอื่น ๆ และสามารถขยายผลจับกุมนางพะยอม สุรการ ภรรยานายโชคอำนวย ในวันที่ 18 พฤษภาคม ได้พยานหลักฐานหลายรายการ นางพะยอมยอมรับว่า นายโชคอำนวยนำมาฝากไว้ โดยเฉพาะระเบิด M 67 ที่มีตำหนิลบหมายเลข เพื่อป้องกันการตรวจสอบแหล่งที่มา ซึ่งหมายเลขที่ถูกลบออกไปมีความเป็นไปได้ในทุกกรณี ว่าเป็นระเบิดของทางราชการ และอาจนำเข้ามาจากนอกประเทศ
โฆษก บช.น. กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนนำหลักฐานดังกล่าวมาพิสูจน์ และตรวจสอบกับเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 19 พฤษภาคม 2553 พบว่า มีพยานหลักฐานตรงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเหตุระเบิดที่แขวงการทางธนบุรี บางพลัด กรมบังคับคดีบางขุนนนท์ หน้าบ้านพักนายบรรหาร ศิลปอาชา ทั้ง 2 ครั้ง หน้า ททบ.5 หน้า NBT และสวนลุมไนท์บาซาร์ และจากที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียิง RPG กระทรวงกลาโหม มีหลักฐานที่ตรงกับระเบิดอีกส่วนที่พบอยู่กับนางพยอมด้วย
“จึงสรุปได้ว่า แหล่งที่มาของระเบิดน่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน เป็นกลุ่มใช้ความรุนแรง และคนร้ายใช้ระเบิดก่อเหตุตั้งแต่ก่อนการชุมนุม เพื่อสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง เป็นการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ที่ประชุมจึงฝากการบ้านให้ติดตามต่อว่า ใครเป็นผู้จัดหาให้ ใครเกี่ยวข้อง และใครอยู่เบื้องหลัง”โฆษก บช.น. กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนของกองปราบปราม ได้รายงานผลการปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับแกนนำที่มอบตัว เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553
ที่ศาลอนุมัติให้ควบคุมตัวต่อ ตั้งแต่วันที่ 9-15 พ.ค.2553 และการจับกุมทั่วประเทศ ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคงเพิ่ม กรณีนายชัชวาลย์ ศรีจันดา คดีวางเพลิงศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ธนาคารและหน้ากองบิน 1 นายมานพ วิเศษประสิทธิ์ กรณีเดียวกัน น.ส.พัชรมล เพชรงาม กรณีต่อสู้ขัดขวางที่อุบลราชธานี นายชุติพล ทองคำ คดีก่อความวุ่นวาย ร่วมการชุมนุม ควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี นายสมบัติ มากทอง เป็นการ์ด นปช. ใช้ความรุนแรง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ
โฆษก บช.น. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะนำรายชื่อทั้งหมด 422 คน ที่ถูกจับกุมตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และความผิดทางอาญา
ขึ้นในเว็บไซต์ของกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บ่ายวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) โดยในพื้นที่ บช.น.จำนวน 221 คน ควบคุมอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แจ้งวัฒนะ พื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 40 คน ควบคุมตัวที่เรือนจำ จ.ปทุมธานี สมุทรปราการ และพระนครศรีอยุธยา พื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 34 คน ควบคุมตัวที่ จ.อุบลราชธานี กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 105 คน อยู่ที่เรือนจำ จ.ขอนแก่น จ.มุกดาหาร และ จ.อุดรธานี กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 20 คน อยู่ที่เรือนจำ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.น่าน กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 2 รายอยู่ที่เรือนจำ จ.นครปฐม
“สำหรับบุคคลสูญหาย ที่แจ้งความไว้กับสถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,400 สถานี ทั้งสิ้น 20 คน พบว่า เป็นผู้ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ 1 ราย และมีหมายจับ 1 ราย คือ ญาติของคุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ซึ่งใน 20 รายนี้ เมื่อตรวจสอบล่าสุดพบว่า 2-3 ราย หนีออกจากบ้านและกลับมาแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ กับที่มีผู้ไปแจ้งไว้ที่มูลนิธิกระจกเงา และพรรคฝ่ายค้านว่ามีทั้งหมด 74 คน จึงแตกต่างกัน ที่ประชุมให้ สตช.ทำหนังสือไปถึงมูลนิธิกระจกเงา ขอรายชื่อมาตรวจสอบว่าสูญหายจริงหรือไม่ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ทราบว่าสูญหายจริง แต่ถ้าไม่ได้สูญหายจริง ก็อาจจะต้องดำเนินการในกรณีแจ้งความเท็จ จึงขอให้ผู้ที่ยังมีญาติสูญหายไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการต่อไป” พล.ต.ปิยะ กล่าว.-สำนักข่าวไทย